Chalermkiat Mina

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 23, 2566

มินามีเรื่องเล่า ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัตตานี ตอนที่ ๑

 


มินามีเรื่องเล่า ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัตตานี ตอนที่ ๑

เธอมีชื่อว่าลิ้มกอเหนี่ยว แต่อาจจะมีชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น เก๊าเนี่ยว หรือหลินกูเหนียง หรือหลิมกอเหนี่ยว หรือลิ่มโกเหนี่ยว หรือจินเหลียน หรือเจ้าแม่ทับทิม

เธอเป็นบุตรีของหลินย่วน ผู้บัญชาการทหารแห่งอำเภอผูเถียน มณฑลฝูเจี้ยน หรืออาจเรียกว่ามณฑลฮกเกี้ยน ในสมัยของจักรพรรดิซ่งไท่จู หรือซ่องไทโจ๊ว

เธอเกิดในรัชสมัยจักรพรรดิหมิงซื่อจง หรือพระนามหมิงเจียจิ้ง เธอเกิดในอำเภอฮุ่ยไล้ มณฑลฮกเกี้ยน เป็นชาวเมืองจั่วจิวในหมู่บ้านเที้ยเพ็ง

ทำไมเธอจึงมีประวัติคล้ายท่านลิ้มโต๊ะเคี่ยมที่เราเคยรู้จักกันแล้ว

แน่นอน ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นน้องสาวของท่านลิ้มโต๊ะเคี่ยม

เมื่อบิดาเสียชีวิต พี่ชายคือลิ้มโต๊ะเคี่ยมเดินทางไปอยู่ปัตตานี ลิ้มกอเหนี่ยวต้องคอยเฝ้าปรนนิบัติมารดาอยู่คนเดียว วันหนึ่งท่านลิ้มกอเหนี่ยวได้เดินทางมาตามหาพี่ชายถึงเมืองปัตตานี จุดประสงค์คือต้องการให้พี่ชายกลับไปดูแลครอบครัวที่ประเทศจีน

ท่านลิ้มโต๊ะเคี่ยมกลับไหมครับ ไม่ครับ ท่านไม่กลับ ท่านบอกว่าตนเองถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรสลัดไปแล้ว อีกทั้งสัญญากับเจ้าเมืองปัตตานีว่าจะสร้างมัสยิดกรือเซะให้สำเร็จ อย่าลืมว่าท่านลิ้มโต๊ะเคี่ยมนับถือศาสนาอิสลามแล้ว

มีคำถามว่าท่านลิ้มโต๊ะเคี่ยมสร้างมัสยิดกรือเซะสำเร็จหรือไม่ เดี๋ยวมาดูคำตอบกันครับ

สรุปคือท่านลิ้มโต๊ะเคี่ยมฝากทรัพย์สินเงินทองให้น้องสาวนำกลับไปยังบ้านเกิด ท่านลิ้มกอเหนี่ยวขอพักอยู่ที่ปัตตานีชั่วคราว และคิดหาโอกาสอ้อนวอนพี่ชายให้กลับไปเมืองจีนต่อไป

ทว่า ในเวลานั้น เจ้าเมืองปัตตานี คือพระนางรายาบีรู หรือราชินีน้ำเงิน ได้ถึงแก่อสัญกรรม แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ

เกิดกบฏขึ้นในเมืองปัตตานี ท่านลิ้มโต๊ะเคี่ยมและท่านลิ้มกอเหนี่ยว พี่น้องสองศรีได้เข้าช่วยเหลือทางการปราบกบฏด้วย

ผลเป็นอย่างไรครับ ตำนานเรื่องนี้กล่าวว่า พ่ายแพ้ต่อกบฏ ท่านลิ้มกอเหนี่ยวได้กระทำอัตวินิบากกรรม คือฆ่าตัวตายในสนามรบทันที

มาถึงตรงนี้ เรื่องการเสียชีวิตของท่านลิ้มกอเหนี่ยวนั้น ขอแทรกตำนานอีกเรื่องหนึ่งครับ

อีกตำนานกล่าวว่า ท่านลิ้มกอเหนี่ยวคิดน้อยใจพี่ชายที่ไม่ยอมตามตนกลับไปหามารดาที่เมืองจีน เกิดความน้อยใจจึงผูกคอตายที่ใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ นะครับ

คราวนี้กลับมาเรื่องการสู้รบกับพวกกบฏอีกทีครับ

หลังจากที่ท่านลิ้มกอเหนี่ยวเสียชีวติแล้ว ท่านลิ้มโต๊ะเคี่ยมรอดชีวิตจากการต่อสู้กับพวกกบฏมาได้ ต่อมาท่านได้จัดการทำฮวงจุ้ยฝังศพท่านลิ้มกอเหนี่ยวอย่างสมเกียรติ ณ หมู่บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลุโละ อำเภอเมืองปัตตานี

ย้อนมาถึงคำถามที่ฝากไว้นะครับ ถามว่าลิ้มโต๊ะเคี่ยมสร้างมัสยิดกรือเซะสร้างสำเร็จไหม ตอบว่า ไม่สำเร็จครับ

เมื่อก่อหลังคามัสยิดครั้งใดก็ถูกฟ้าผ่าทุกครั้ง รวม ๓ ครั้ง ต่อมาชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นคำสาปแช่งของท่านลิ้มกอเหนี่ยวนั่นเอง อยากไม่กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนดีนัก

ในคราวหน้า จะขออนุญาตเล่าเรื่องศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวต่อนะครับ โปรดตามติดและติดตาม

ท่านอาจย้อยกลับไปอ่าน มินามีเรื่องเล่าที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ ตามลิงค์ที่แนบนี้ได้ครับ

https://vieuxnobita.blogspot.com/2022/11/thai-english-french_23.html


วันอังคาร, กรกฎาคม 18, 2566

มินามีเรื่องเล่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ Thai-English-French

 


มินามีเรื่องเล่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ Thai-English-French

บุญกิริยาวัตถุ คือ สิ่งเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ โดยย่อมี ๓ อย่าง ได้แก่
๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
******************
Mina’s stories: the three Punnakiriyavatthu
The three Punnakiriyavatthu mean three meritorious fields of action.
They are composed of Danamaya, Silamaya and Bhavanamaya.
They are briefly stated as:
1. Danamaya. It is the merit acquired by giving dana, generosity.
2. Silamaya. It is the merit acquired by maintaining Sila, moral behaviour.
3. Bhavanamaya. It is the merit acquired by developing bhavana, training one's heart mind.
Hence, generosity, moral behaviour and trainings one’s heart mind are the three meritorious actions which can be acquired by all of us.
******************
Histoires de Mina : Les Trois Punnakiriyavatthu
Les trois Punnakiriyavatthu signifient trois catégories des actes méritoires : Danamaya, Silamaya et Bhavanamaya.
1. Danamaya. C'est le mérite acquis en donnant des offrandes ou Dana. Ce sont des actes de générosité.
2. Silamaya. C'est le mérite acquis en maintenant le comportement moral ou Sila.
3. Bhavanamaya. C'est le mérite acquis en entraînant notre cœur et notre esprit vers la concentration. Nous l’appelons « Bhavana ».
Donc, la générosité, le comportement décent et moral, et la pratique de la concentration sont les trois actes méritoires importants pour nous.

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 16, 2566

มินามีเรื่องเล่า สัตยาธิษฐานที่วัดน้อยนอก นนทบุรี Thai-English-French

 




มินามีเรื่องเล่า สัตยาธิษฐานที่วัดน้อยนอก นนทบุรี Thai-English-French

สวัสดีครับ พอดีวันนี้วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ผมได้ผ่านไปทางวัดน้อยนอก นนทบุรี เลยขออนุญาตเล่าความเป็นมาของวัดนี้นะครับ


 

วัดน้อยนอก เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ตามประวัติที่ได้ขุดค้นพบแผ่นจารึกที่ทำด้วยทองแดง กล่าวไว้ว่า ขุนศรีมงคลและเหล่าทหารที่ติดตามพระเจ้ากรุงธนบุรีได้หนีการตามล่าของทหารพม่ามาจนถึงฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นคุ้งน้ำกว้างใหญ่ขวางอยู่เบื้องหน้า

ขุนศรีมงคลไม่สามารถพาเหล่าทหารติดตามหนีไปไหนได้แล้ว ขุนศรีมงคลจึงตั้งสัตยาธิษฐานว่า “หากเราและเหล่าทหารที่ติดตามตัวนี้รอดพ้นจากการติดตามของพม่าแล้วไซร์จัดสร้างวัดเพื่อเป็นพุทธสถาน ให้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา”

จากนั้นขุนศรีมงคลจึงนำพวกทหารติดตามไปซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นโพธิ์ริมปากคลอง (คือคลองบางกระสอในปัจจุบัน) ขุนศรีมงคลและเหล่าทหารติดตามพากันนั่งสมาธิอย่างสงบใต้ต้นโพธิ์นั้น

ฝ่ายแม่ทัพและทหารพม่าซึ่งติดตามขุนศรีมงคลและทหารมาโดยตลอด เมื่อมาถึงต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ขุนศรีมงคลและทหารที่ติดตามนั่งสมาธิและซ่อนตัวอยู่ ฝ่ายพม่ากลับมองไม่เห็น ต่างพากันงุนงงสงสัยว่าพวกทหารไทยหายไปไหน






ต่อมาเมื่อศึกพม่าสงบแล้ว ขุนศรีมงคลและเหล่าทหารที่ติดตาม พร้อมด้วยชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ต่างมีจิตศรัทธาสร้างวัดขึ้นมาตามสัตยาธิษฐานที่ขุนศรีมงคลได้ให้ไว้

เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วขุนศรีมงคลจึงถวายนามวัดนี้ว่า “วัดน้อย” ตามชื่อของบุตรีของท่านที่ให้เป็นอนุสรณ์สืบไป ปัจจุบันวัดนี้มีชื่อว่า “วัดน้อยนอก” เพื่อให้คล้องกับวัดน้อยใน ครับ

***** 





Mina stories: Wat Noy Nok and Khun Si Mongkon’s wish

Today is Sunday 16 of July, 2023, it may by a lucky day for someone. I just went to Wat Noy Nok Temple, situated near Phra Nang Klao Bridge, in Nonthaburi.

I would like to tell you about the story of this temple.

Wat Noy Nok was built in the reign of King Taksin the Great of Dhonburi Period. The story took place at the time when Ayutthaya was invaded by Burmese soldiers in 1767. At that time, the Burmese soldiers looked for the Thai soldiers in order to kill them or take them as prisoners.

Khun Si Mongkon, an officer of Ayutthaya, and his soldiers were pursued by Burmese soldiers. Khun Si Mongkon and his soldiers arrived near the riverside of Chao Phraya. They had no way to go. The Burmese soldiers came close to them.

Khun Si Monkon saw a big Bodi tree located at the mouth of a canal (Khong Bang Kraso, at the present time). He told his soldiers to sit and meditate under the big tree. Then, he made a wish, “We would like to hide ourselves from the enemies by doing meditative sitting under this Bodi Tree. If we were not found out by our enemies, we would have a temple built in this area in the future.”

Surprisingly, the Burmese came to the Bodi tree but could see nothing, although Khun Si Mongkon and his soldiers were practicing meditation there. Then, the Burmese soldiers went away.

After end of the war, Khun Si Mongkon, his soldiers and the villagers living nearby had a temple built in the area where he and his soldiers used to hide themselves from the Burmese soldiers.
Wat Noy Nok was built according to this wish. Khun Si Mongkon gave a name to the new temple: “Wat Noy”.

The word “Wat” means “temple”, and the term “Noy” means “small”. Here, the word "Noy" came from the nickname of Khun Si Mongkon's daughter.


At present, there are two “Wat Noy” temples. So, to avoid some confusion, the word “Nok” was added up to the name of the temple. “Wat Noy Nok” literally means “the Exterior Noy Temple”. This name is different from the name of the other temple: “Wat Noy Nai”, which literally means “the Interior Noy Temple”.

Hence, Khun Si Mongkon’s wish came true. Wat Noy Nok is one of the sacred places constructed by our ancestors’ wishes so as to preserve our Buddhism for eternity.

******
Histoire de Mina : Wat Noy Nok et le souhait de Khun Si Mongkon

Aujourd'hui, c’est dimanche 16 juillet 2023. C’est peut-être le jour de chance pour quelques-uns. J’ai visité le Wat Noy Nok, situé près du pont Phra Nang Klao, à Nonthaburi. Donc, j’aimerais vous raconter l’histoire de ce temple.

Wat Noy Nok a été construit sous le règne du roi Taksin le Grand de la période Dhonburi. L'histoire se déroule au moment où Ayutthaya est envahie par des soldats birmans en 1767. A cette époque, les soldats birmans recherchent les soldats thaïlandais afin de les tuer ou de les faire prisonniers.

Khun Si Mongkon, un officier d'Ayutthaya, et ses soldats ont été poursuivis par les soldats birmans. Khun Si Mongkon et ses soldats sont arrivés près de la rive de Chao Phraya. Ils n'avaient aucun chemin à parcourir. Les soldats birmans se sont approchés d'eux.

Khun Si Monkon a vu un grand arbre Bodi situé à l'embouchure d'un canal (le présent Khong Bang Kraso). Il a dit à ses soldats de s'asseoir et de méditer sous le grand arbre. Puis, il a fait un vœu:

« Nous aimerions nous cacher des ennemis en faisant de la méditation assis sous cet arbre Bodi. Si nous n'étions pas découverts par nos ennemis, nous ferions construire un temple dans cette zone à l'avenir. »

Miraculeusement, les Birmans sont venus à l'arbre Bodi mais n'ont rien vu. Khun Si Mongkon et ses soldats faisaient la méditation devant leurs yeux. Mais, ils n’ont vu personne. Ensuite, les soldats birmans sont partis.

Après la fin de la guerre, le roi Taksin le Grand a fait construire la ville de Dhonburi. Khun Si Mongkon, ses soldats et les villageois vivant à proximité des rives Chao Phraya, ont fait construire un temple dans l’endroit où Khun Si Mongkon et ses soldats se sont cachés.

C'est ainsi Wat Noy Nok a été construit. Khun Si Mongkon a donné un nom au nouveau temple : « Wat Noy ». Le mot « Wat » veut dire « temple’, et le terme « Noy » veut dire « petit ». Ici, « Noy » est le petit nom de la fille de Khun Si Mongkon.

Actuellement, il y a deux temple « Wat Noy ». Donc, pour éviter une confusion, on a changé le nom du temple en « Wat Noy Nok », qui signifie littéralement « le temple Noy de l’extérieur ». Ce nom-ci est différent du nom de l'autre temple : « Wat Noy Nai », signifiant « le Temple Noy à l’intérieur ».

Par conséquent, le souhait de Khun Si Mongkon s'est réalisé. Wat Noy Nok est l'un des lieux sacrés construits par la volonté de nos ancêtres afin d'hériter notre Bouddhisme pour l'éternité.
***********




มินามีเรื่องเล่า เป่าเทียนเพื่อฉลองวันเกิด Thai-English-French

 

มินามีเรื่องเล่า เป่าเทียนเพื่อฉลองวันเกิด


วันนี้ไม่ใช่วันเกิดของผม แต่ผมอยากเล่าเรื่องเป่าเทียนวันเกิด 

คุณเกิดเมื่อไร คุณเป่าเทียนฉลองวันเกิดไหมครับ

ตามธรรมเนียมแล้ว ในวันเกิดเรามักจะฉลองโดยการเป่าเทียนที่ปักอยู่บนเค้กวันเกิด เราต้องย้อนกลับไปยุคกรีกโบราณเพื่อหาร่องรอยต้นกำเนิดของขนบธรรมเนียมนี้นะครับ

ชาวกรีกฉลองวันเกิดโดยการบูชาเทพีอาร์เตมิส เทพีแห่งดวงจันทร์และการล่าสัตว์ หลังจากทำเค้กน้ำผึ้งรูปทรงกลมคล้ายพระจันทร์แล้ว ชาวกรีกจะไปที่วัด พวกเขาจุดเทียนที่ปักไว้บนเค้ก แสงจากเปลวเทียนเปรียบเสมือนแสงแห่งดวงดาว การบูชาเทพีอาร์เตมิสถือเป็นธรรมเนียมที่ต้องคุกเข่าก่อนที่จะเป่าเทียน


จากธรรมเนียมดังกล่าวนี้ เรายังคงรักษาแนวความคิดนี้ไว้ โดยเราอธิษฐานก่อนเป่าเทียนวันเกิด

*******************

Mina’s Stories: We blow out candles to celebrate a birthday. 

Today is not my birthday, but I would like to talk about the candle blowing on the occasion of one’s birhtday.

When is your birthday? Do you celebrate your birthday by blowing out candles?

Traditionally, a birthday is celebrated by blowing out candles on a cake. We have to go back to ancient Greece to find the first traces of this tradition.

To celebrate their birthdays, the Greeks used to honour Artemis, the goddess of the moon and the hunt.

So they went to a temple after having prepared a round shaped honey cake. This round shaped cake evoked the form of the moon.

Then the Greeks placed candles which they lit to imitate the glow of the star on the surface of the moon-shaped cake. It was then customary to praise this ancient goddess on her knees before blowing on the candles.

 From this custom, we have also retained the idea of the wish we formulate before putting out the candles.

****************

 Histoires de MINA : On souffle des bougies pour fêter un anniversaire.

 Aujourd’hui, ce n’est pas mon anniversaire. Mais je voudrais parler des souffles de bougies.

 C’est grand votre anniversaire ? Vous célébrez votre anniversaire en soufflant des bougies ?

Traditionnellement, un anniversaire est célébré en soufflant des bougies sur un gâteau. Il nous faut remonter à l’antiquité grecque pour retrouver les premières traces de cette tradition.

 Pour célébrer leur anniversaire, les Grecs avaient pour habitude d’honorer Artémis, la déesse de la lune et de la chasse.

 Ils se rendaient donc dans un temple après avoir préparé un gâteau au miel de forme ronde, évoquant la lune.

 Puis, sur le gâteau en forme de lune, les Grecs plaçaient des cierges qu’ils allumaient pour imiter la lueur de l’astre. Il était alors d’usage de louer cette déesse ancienne à genoux avant de souffler sur les cierges.

 De cette coutume, nous avons d’ailleurs conservé l’idée du souhait que nous formulons avant d’éteindre les bougies.

*******************

วันอังคาร, กรกฎาคม 11, 2566

มินามีเรื่องเล่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ตอน มนุษยนาคมานพ

มินามีเรื่องเล่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ตอน มนุษยนาคมานพ
*********
สวัสดีครับ วันนี้ขออนุญาตเล่าความเป็นมาของพระนามเดิมของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสนะครับ 

สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงประสูติเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๐๓ ช่วงเทศกาลสงกรานต์พอดีนะครับ

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเล่าไว้ว่า 

“พอเราประสูติแล้ว อากาศที่กำลังสว่างมีเมฆตั้ง ฝนตกใหญ่ จนน้ำฝนขังนองชาลาตำหนัก ทูลกระหม่อมของเรา (ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๔) ทรงถือเอานิมิตนั้น ว่าแม้นกับคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับ ณ ควงไม้ราชาตนพฤกษ์ ฝนตกพรำ สิ้น ๗ วัน มุจลินทนาคราชเอาขนดกายเวียนพระองค์ และแผ่พังพานเหนือพระเศียรเพื่อมิให้ฝนตกถูกพระองค์ ครั้นฝนหายแล้ว จึงคลายขนดจำแลงกายเป็นมาณพหนุ่มเข้ามายืนเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ จึงพระราชทานนามเราว่า “พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ”

ต่อมาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงได้พบความหมายของชื่อของพระองค์ในภายหลัง เมื่อพระองค์อ่านบาลีเข้าใจแล้ว พระองค์อธิบายว่า 

“ในบาลีมหาวรรคพระวินัย เล่ม ๑ ตอนทรมานอุรุเวลกัสสปชฎิล คำว่า “มนุสฺสนาโค” หรือ “มนุษยนาค” นั้น เป็นคำเรียกพระพุทธเจ้า คู่กับคำว่า “อหินาโค” หรือ “อหินาค” เป็นคำเรียกพญานาคที่เป็นงู เช่นนี้ คำว่า “มนุษยนาค” ก็เหมือนคำว่า “บุรุษรัตน์” หรือ “มหาบุรุษ” ที่ใช้เรียกท่านผู้สูงสุดในหมู่มนุษย์ คือ พระพุทธเจ้า และพระเจ้าแผ่นดิน”

ครับ ดังนั้น พระนามเดิมของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส คือ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ มีที่มาดังที่กล่าวมานะครับ

ที่มาของข้อมูล หนังสือ เจ้านายและพระสนมเอก

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 09, 2566

มินามีเรื่องเล่า พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน? Thai-English-French

มินามีเรื่องเล่า พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน? Thai-English-French

สวัสดีครับ วันนี้ผมเริ่มเรื่องโดยตั้งคำถามว่า “พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน?

ผมจำประโยคที่พระพุทธเจ้าทรงกล่าวกับพระอานนท์ก่อนที่พระองค์จะปรินิพพานว่า

“ดูก่อนอานนท์ พระธรรมและพระวินัยที่ตถาคตสอนและแสดงให้เห็นนี้ จะเป็นครูของพวกท่านหลังจากที่ตถาคตปรินิพพานแล้ว”

ผมคิดว่า ถ้าเราศึกษาพระธรรมและพระวินัยสม่ำเสมอ และตระหนักถึงคุณความดีของพระธรรมและพระวินัยที่นำทางชีวิตที่ดีให้เรา พระพุทธองค์อยู่กับพวกเราตลอดเวลา พระพุทธเจ้าย่อมอยู่ในใจของพวกเราตลอดเวลา ผมเชื่อเช่นนั้นนะครับ
******

Mina's Stories: Where is Lord Buddha?

Good morning. Today I begin my story with the question, “Where is Lord Buddha?”

I remember the well-known stanza spoken by the Buddha as he was about to pass away. He said to his close disciple, Phra Ananda, “Ananda, the Dhamma and the Discipline, which I have taught and demonstrated, let them be your teacher when I have passed away.”

In my opinion, if we always study and practice Dhamma and Discipline and realizing their benefits, the Buddha still exists with us. He is always in our mind. I do believe like that.
****

Histoires de MINA : Où est Le Bouddha ?

Bonjour, aujourd'hui je commence mon histoire par la question : « Où est le Bouddha ? » Je me souviens de la strophe bien connue prononcée par le Bouddha alors qu'il était sur le point de mourir.

Il dit à son proche disciple, Phra Ananda :

« Ananda, le Dhamma et la Discipline, que j’ai enseigné et démontré, qu'ils soient votre professeur quand je serai décédé. »

À mon avis, si nous étudions et pratiquons toujours le Dhamma et la Discipline et que nous nous rendons compte de leurs avantages pour mener notre vie en bonne voie, le Bouddha existe toujours avec nous. Il est toujours dans notre cœur. Je crois comme ça.
*****
Photo: ที่วิหาร วัดป่าศิริมงคล La Grande Statue du Bouddha dans le Vihara, sanctuaire secondaire de Wat Pa Sirimongkhon, Ban Phue, Khon Kaen. 



วันเสาร์, กรกฎาคม 08, 2566

มินามีเรื่องเล่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ตอนหัวอกเดียวกัน

มินามีเรื่องเล่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ตอนหัวอกเดียวกัน

สวัสดีครับ วันนี้ผมขอเล่าถึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ว่าด้วยตอนหัวอกเดียวกัน

หัวอกเดียวกันกับใครครับ ลองติดตามดูนะครับ

มาดูสายสัมพันธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ กันก่อนนะครับ

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาแพ พระสนมเอก มีพระราชโอรสและพระราชธิดา ๕ พระองค์ คือ

๑. พระองค์เจ้าหญิงยิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา) ประสูติเมื่อวันพุธที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๓๙๔ สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๙ พระชันษา ๓๖ ปี

๒. พระองค์เจ้าหญิงพักตร์พิมลพรรณ (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ) ประสูติเมื่อวันพุธที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๙๗ สิ้นพระชนม์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ พระชันษา ๕๒ ปี

๓. พระองค์เจ้าชายเกษมสันต์โสภาคย์ (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพรหมวรานุรักษ์) ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๙๙ สิ้นพระชนม์เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๗ พระชันษา ๖๙ ปี

๔. พระองค์เจ้าชายมนุษยนาคมานพ (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๐๓ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ พระชันษา ๖๒ ปี

๕. พระองค์เจ้าหญิงบัญจบเบญจมา (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบัญจบเบญจมา) ประสูติเมื่อวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๔ สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุ ๓๒ พรรษา

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔ นะครับ

คราวนี้มาดูพระขนิษฐาและพระอนุชาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ กันนะครับ

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพศิรินทรา พระบรมราชชนนี ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดา ๔ พระองค์ ได้แก่

๑. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ เสด็จสวรรคตเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓

๒. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑล (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์) ประสูติเมื่อวันอังคารที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๓๙๘ สิ้นพระชนม์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๐๖

๓. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจาตุรนตรัศมี (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์) ประสูติเมื่อวันอังคารที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๓๙๙ สิ้นพระชนม์เมื่อวันพุธที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๓

๔. สมเด็จเจ้าฟ้าชายภาณุรังษีสว่างวงษ์ (สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช) ประสูติเมื่อวันพุธที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๒ ทิวงคตเมื่อวันพุธที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๑

คราวนี้ย้อนมาที่หัวเรื่องนะครับ ทำไมหัวอกเดียวกัน

ปี พ.ศ. ๒๔๐๔ เป็นปีโหดร้ายกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส นะครับ

วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๔ สมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชชนนี สวรรคต ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุได้ ๙ พรรษา

ต่อมาวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๔ เจ้าจอมมารดาแพ ถึงแก่อสัญกรรม หลังจากให้กำเนิดพระองค์เจ้าหญิงบัญจบเบญจมาได้ห้าชั่วโมงเศษ

ช่วงเวลาที่แสนเศร้านี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ เพิ่งมีพระชนมายุได้ปีเศษ

หัวอกเดียวกัน คือ ทั้งสมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแพ มาด่วนจากพระราชโอรสพระราชธิดาอย่างรวดเร็ว

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระขนิษฐาและพระอนุชา ทรงได้รับการดูแลจากพระองค์เจ้าหญิงลม่อม (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร)

ส่วนสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงได้รับการเลี้ยงดูจากท้าวทรงกันดาล (ศรี) คุณยายของท่าน

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุห่างจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ๗ ปี และทั้งสองพระองค์ต่างตกอยู่ในหัวอกเดียวกัน คือสูญเสียผู้ให้กำเนิดในปีเดียวกัน ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระเมตตาต่อพระอนุชาพระองค์นี้ยิ่งนัก

เรื่องราวของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสยังมีอีกนะครับ โปรดติดตาม

ที่มาของภาพ
https://www.finearts.go.th/promotion/view/20407 



มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French

  มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) เป็นพระอัครมเหสีน้อยของสมเด็จพ...