Chalermkiat Mina
วันอาทิตย์, กันยายน 17, 2566
มินามีเรื่องเล่า รูปแผ่นดินเผาพิมพ์ลาย เรื่องพระกฤษณะยกภูเขาโควรรธนะ
วันเสาร์, กันยายน 16, 2566
มินามีเรื่องเล่า ร่องรอยวัฒนธรรมลุ่มน้ำบางปะกงและภูมิภาคตะวันออก ที่ชุมชนโบราณบ้านโคกพนมและบ้านหนองโน
มินามีเรื่องเล่า ร่องรอยวัฒนธรรมลุ่มน้ำบางปะกงและภูมิภาคตะวันออก ที่ชุมชนโบราณบ้านโคกพนมและบ้านหนองโน
วันศุกร์, กันยายน 15, 2566
มินามีเรื่องเล่า ศิวลึงค์ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
มินามีเรื่องเล่า ศิวลึงค์ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
สวัสดีครับเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖
ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรีแห่งนี้ มีแท่นศิวลึงค์ทำด้วยหินทราย
เป็นศิลปะทวาราวดี มีความสูง ๒๑ เซนติเมตร มีฐานกว้าง ๖๕ เซนติเมตร
ได้มาจากอำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
ศิวลึงค์มีความสำคัญอย่างไร
ศิวลึงค์เป็นประติมากรรมรูปเคารพที่สำคัญในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกายนะครับ
ไศวนิกายคือลัทธิอะไร คือลัทธิที่นับถือพระศิวะเป็นใหญ่นะครับ
ในสมัยนั้นศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูมีการนับถือลัทธิสำคัญ ๒ ลัทธิครับ
ลัทธิที่นับถือพระศิวะเป็นใหญ่ เรียกว่าไศวนิกาย
แต่ถ้านับถือพระวิษณุเป็นใหญ่ เรียกว่า ไวษณพนิกาย ทั้งสองลัทธิอยู่ร่วมกันได้ครับ
แล้วแต่ว่าใครจะนิยมเทพองค์ใดเป็นใหญ่มากกว่ากัน
คติความเชื่อในการสร้างศิวลึงค์นั้น
ได้มีการสร้างและประดิษฐานศิวลิงค์ไว้ที่ไหนครับ
เรามักจะพบว่ามีการประดิษฐานศิวลึงค์เป็นประติมากรรมประธานในศาสนสถานนะครับ
ทำไมต้องเป็นศิวลึงค์ด้วย
คำตอบคือ
เพราะศิวลึงค์เป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายแทนองค์พระศิวะซึ่งเป็นพระผู้เป็นเจ้าผู้ให้กำเนิดแก่มวลมนุษย์ ศิวลึงค์
คือองค์กำเนิดเพศชายที่เป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ หมายถึงการสร้างสรรค์
ความมั่งคั่ง ความเจริญรุ่งเรือง ในขณะเดียวกันก็หมายถึงตรีมูรติ ได้แก่ เทพเจ้า ๓
องค์ในศาสนาพราหมณ์ โดยแท่งศิวลึงค์แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหรือเรียกว่า ๓ ภาคก็ได้ครับ
ภาคที่ ๑ คือ รุทรภาค หรือปูชาภาค เป็นรูปกลม
อยู่ด้านบนสุดของศิวลึงค์ หมายถึงพระศิวะ
ภาคที่ ๒ คือ วิษณุภาค เป็นส่วนกลาง อาจทำเป็นรูปแปดเหลี่ยม หมายถึง
พระวิษณุ
ภาคที่ ๓ คือ พรหมภาค คือส่วนล่าง อาจทำเป็นรูปสี่เหลี่ยม
หมายถึงพระพรหม นะครับ
ย้อนมาที่ศิวลึงค์ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรีนะครับ ศิวลึงค์แท่งนี้เป็นรูปสลักติดกับฐานสี่เหลี่ยมซึ่งเป็นร่องรองรับน้ำสรง
ศิวลึงค์นี้มีเฉพาะส่วนรุทรภาคหรือปูชาภาค
คือส่วนยอดของศิวลึงค์ที่โผล่ขึ้นมาจากตรงกลางของฐานโยนี ครับ
ลักษณะของศิวลึงค์ประเภทนี้จะใกล้เคียงกับกายวิภาคตามธรรมชาติ
ถือเป็นศิวลึงค์รุ่นเก่าสุด มีลักษณะเหมือนศิวลึงค์ในศิลปะจาม กล่าวคือ
จะตัดทอนเอาส่วนพรหมภาคและวิษณุภาคออกไปครับ
ศิวลึงค์ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
ปราจีนบุรีนี้เป็นศิวลึงค์ที่นิยมในศิลปะเขมรก่อนเมืองพระนคร
ซึ่งมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๓ คาดว่าศิวลึงค์จะมีอายุในระหว่างพุทธศตวรรษที่
๑๒-๑๓ เป็นอย่างน้อยนะครับ
แหล่งข้อมูล
ศิลปากร, กรม. นำชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
ปราจีนบุรี. กรุงเทพฯ : บริษัท คัมปาย อิมเมจจิ้ง
จำกัด, ๒๕๔๒.
https://www.finearts.go.th/roietmuseum/view/11398-เอกมุขลึงค์.
วันศุกร์, สิงหาคม 18, 2566
มินามีเรื่องเล่า วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ที่มาของวันวิทยาศาสตร์ของชาติไทย
ภาพเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ณ อนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มินามีเรื่องเล่า วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ที่มาของวันวิทยาศาสตร์ของชาติไทย
สวัสดีครับ วันนี้วันที่ ๑๘ สิงหาคม เป็นวันวิทยาศาสตร์ไทย วันนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับเหตุการณ์ของวันที่ ๑๘ สิงหาคม ปีพุทธศักราช ๒๔๑๑ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขออนุญาตนำข้อความจากพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) หน้าที่ ๒๐๐๙-๒๐๑๐ มาถ่ายทอด ณ ที่นี้นะครับ
“ณ วันอังคาร เดือน ๑๐ ขึ้น ๑ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๑๘ สิงหาคม
พ.ศ. ๒๔๑๑ เวลา ๒ โมงเช้า เจ้าพนักงานเตรียมกล้องใหญ่น้อย
เครื่องทรงทอดพระเนตรสุริยุปราคา เวลาเช้า ๔ โมง ๓ นาที เสด็จออกทรงกล้อง
แต่ท้องฟ้าเป็นเมฆฝนคลุ้มไป ในด้านตะวันออกไม่เห็นอะไรเลยต่อเวลา ๔ โมง ๑๖ นาที
เมฆจึงจางสว่างออกไปเห็นดวงพระอาทิตย์ไร ๆ แลดูพอรู้ว่าจับแล้วจึงประโคม
เสด็จสรงมุรธาภิเษก ครั้นเวลา ๕ โมง ๒๐ นาที แสงแดดอ่อนลงมา
ท้องฟ้าตรงดวงอาทิตย์สว่างไม่มีเมฆเลย ที่อื่นแลเห็นดาวใหญ่ด้านตะวันตกและดาวอื่น
ๆ มากหลายดวง เวลา ๕ โมง กับ ๓๖ นาที ๒๐ วินาที จับสิ้นดวง เวลานั้นมืดเป็นเหมือนกลางคืนเวลาพลบค่ำ
คนที่นั่งใกล้ ๆ กันก็แลดูไม่รู้จักหน้ากัน แล้วพระราชทานเงินแจกพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งตามเสด็จโดยพระราชดำเนินออกไปโดยทั่วกัน”
พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อวงการวิทยาศาสตร์ไทยนับว่ายิ่งใหญ่
พระองค์ทรงแสดงพระอัจริยภาพด้านวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ นับว่าเป็น Solf Power ที่ทรงแสดงให้บรรดาทูตานุทูตชาวตะวันตกได้ประจักษ์
เป็นการแสดงตัวตนของประเทศสยามในยุคเริ่มมหันตภัยแห่งการล่าอาณานิคมเริ่มบังเกิดขึ้น
นะครับ
วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 17, 2566
มินามีเรื่องเล่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ Thai-English-French
มินามีเรื่องเล่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ Thai-English-French
สวัสดีครับ
วันนี้ขออนุญาตเล่าเรื่อง บุญกิริยาวัตถุนะครับ
บุญกิริยาวัตถุ
คือ สิ่งเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ กล่าวโดยย่อมี ๓ อย่าง ได้แก่
๑.
ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
๒.
สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
๓.
ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
การตักบาตรถือเป็นทานมัยด้วยนะครับ ทำบุญกันนะครับ
******************
Mina’s
stories: the three Punnakiriyavatthu
Good morning. I would like to tell you about the three Punnakiriyavatthu. They refer to the three meritorious fields of action. What are they?
They are composed of Danamaya, Silamaya and Bhavanamaya.
They
are briefly stated as:
1.
Danamaya.
It is the merit acquired by giving dana, generosity.
2.
Silamaya.
It is the merit acquired by maintaining Sila, moral behaviour.
3.
Bhavanamaya.
It is the merit acquired by developing Bhavana, training one's heart mind.
Offerings
foods to monks is one of the Danamaya or generosity for all of us.
Hence, generosity, moral behaviour and trainings one’s heart mind are the three meritorious actions which can be acquired by all of us.
******************
Histoires de Mina : Les Trois Punnakiriyavatthu
Bonjour. Aujourd’hui j’aimerais parler des trois Punnakiriyavatthu. Ils signifient trois catégories des actes méritoires. Ce sont : Danamaya, Silamaya et Bhavanamaya.
1. Danamaya. C'est le mérite acquis en donnant des offrandes ou Dana. Ce sont des actes de générosité.
2. Silamaya. C'est le
mérite acquis en maintenant le comportement moral ou Sila.
3. Bhavanamaya. C'est le mérite acquis en entraînant notre cœur et notre esprit vers la concentration. Nous l’appelons « Bhavana ».
Faire des offrandes de nourriture est considéré comme un des actes de Dana pour nous tous.
Donc, la générosité, le comportement décent et moral, et la pratique de la concentration sont les trois actes méritoires importants pour nous.
………………………
วันอังคาร, สิงหาคม 15, 2566
มินามีเรื่องเล่า ทำไมสัญญาณไฟจราจรถึงเป็นสี เขียว ส้มและแดง? Thai-English-French
มินามีเรื่องเล่า
ทำไมสัญญาณไฟจราจรถึงเป็นสี
เขียว ส้มและแดง? Thai-English-French
สวัสดีครับ
วันนี้ขอเล่าถึงไฟจราจรนะครับ
ไฟจราจรช่วยในกำหนดกฎเกณฑ์ในการการจราจรบนท้องถนน
มีความสำคัญต่อจราจร และต้องมองเห็นได้ง่าย
ดังนั้นจึง เป็นเหตุผลว่าสีเขียว ส้มและแดง ได้รับการนำมาใช้ สีทั้งสามสีนั้นสมองของเรารับรู้ได้ไวที่สุด
เมื่อประมาณปี ค.ศ. ๑๘๗๐
สัญญาณไฟมีแต่สีเขียวและสีแดงเท่านั้นนะครับ
โดยเฉพาะสีแดงนะครับ ตาของเราจะรับรู้ได้ไวและเห็นได้ไกล โดยไม่ต้องคิดมากนะครับ สีแดงนี้ทำให้เรานึกถึงเลือด แน่นอนเลือดคืออันตราย ไม่ใช่ต้มเลือดหมูนะครับ
ส่วนสีเขียวถูกกำหนดขึ้นเพื่อประกอบสีแดงในวงจรสีและเป็นสีที่สมองรับรู้ได้ดีเหมือนกันนะครับ
ส่วนสีส้ม (เรื่องไฟจราจรนะครับ ไม่ใช่ผลไม้) หมายถึงการเตือน
เป็นสีที่อยู่ตรงกลางระหว่างสีทั้งสองสีครับ
ดังนั้นอย่าฝ่าไฟแดงนะครับ!
****************
Mina’s Stories: Why are traffic lights green, orange and red?
Traffic lights allow the regulation of
road traffic. They are therefore an essential part of the highway code. So, they
must be very easy to see.
This is the reason why green, orange
and red were chosen: these colors are indeed the ones that our brain can notice
the fastest.
Originally, around 1870, the lights
were only green and red.
This is particularly the case for red,
to which the human eye is very sensitive and which it can be perceived from
afar.
Moreover, unconsciously, red evokes
blood and therefore danger.
The choice of green was also imposed because it is the complement of red on the chromatic circle and is well perceived by the brain.
As for the orange, signifying the
warning, it is located at equal chromatic distance between the two.
So don't run through a
red light!
**************
Mina raconte : Pourquoi les feux tricolores sont-ils vert, orange et
rouge ?
Les feux de circulation permettent la régulation du trafic routier. Ils sont donc un élément essentiel du code de la route. Ils doivent donc être très faciles à voir.
C’est la raison pour laquelle le vert, l’orange et le rouge ont été choisis : ces couleurs sont en effet celles que notre cerveau capte le plus vite.
A l’origine, vers 1870, les feux étaient uniquement vert et rouge.
C’est particulièrement le cas pour le rouge, auquel l’œil humain est très sensible et qu’il perçoit de loin.
De plus, inconsciemment, le rouge évoque le sang et donc le danger.
Le choix du vert s’est aussi imposé car il est le complément du rouge sur le cercle chromatique et est bien perçu par le cerveau.
Quant à l’orange, signifiant l’avertissement, il se situe à égale distance chromatique entre les deux.
Donc, il
ne faut pas griller un feu rouge !
วันจันทร์, สิงหาคม 14, 2566
มินามีเรื่องเล่า ทำไมถึงมีแว่นตา Thai-English-French
มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French
มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) เป็นพระอัครมเหสีน้อยของสมเด็จพ...
-
เขาหัวแตก พัทลุง มินามีเรื่องเล่า ปุรินทราภิบาล ผมได้รับเมตตาจากท่านอาจารย์จรรยา คชพันธ์ ข้าราชการบำนาญของโรงเรียนสตรีพัทลุง ซึ่...
-
ที่มาของภาพ https://www.108prageji.com มินามีเรื่องเล่า หลวงพ่อพระองค์แสน วัดพระธาตุเชิงชุม วรวิหาร จังห...
-
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง จังหวัดหนองคาย มินามีเรื่องเล่า หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง จังหวัดหนองคาย ตอนที่ ๒ ...

















