มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกันที่พัทลุง พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนนำทัพพัทลุงรบพม่า
สวัสดีครับ วันนี้ขอเล่าเรื่องการต่อสู้กับพม่าในศึกสงครามเก้าทัพ นะครับ
ในปี พ.ศ. ๒๓๒๕ มีการเปลี่ยนแผ่นดินใหม่จากกรุงธนบุรีเป็นกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาพัทลุงแก้วโกรพพิชัย (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) เป็นเจ้าเมืองพัทลุงต่อไป
ในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ เกิดสงคราม ๙ ทัพ พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่า ยกทัพมาตีไทยถึง ๙ ทัพ เฉพาะทางภาคใต้ พม่าใช้กำลังทัพที่ ๑ กับทัพที่ ๒ รวมพลได้ ๒๐,๐๐๐ คน ยึดเมืองชายฝั่งทะเลทิศตะวันออกได้ตั้งแต่ชุมพรเรื่อยลงมาถึงนครศรีธรรมราช และเตรียมทัพตีเมืองพัทลุงและสงขลาต่อไป
พระยาแก้วโกรพพิชัย
(ขุนคางเหล็ก) รวบรวมกำลังพลได้เพียง ๑,๐๐๐ คนเศษ ไปชุมนุมกันที่วัดป่าลิไลย์
โดยมีพระมหาช่วย เจ้าอาวาสวัดป่าลิไลย์ ให้กำลังใจพร้อมปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้ป้องกันตัว
(ต่อมาพระมหาช่วย ได้ลาสิกขาและได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง พระยาทุกขราฎร์
อนุสาวรีย์ของท่านตั้งอยู่ทีท่ามิหรำ อ.เมือง จ.พัทลุง) โปรดอ่านเรื่องของพระยาทุกขราษฏร์
ได้ในมินามีเรื่องเล่า วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ https://vieuxnobita.blogspot.com/2023/07/blog-post_31.html
นะครับ
พระยาพัทลุง (ขุน
หรือขุนคางเหล็ก) ได้นำกองทัพพัทลุงจำนวนคนเพียง ๑,๐๐๐ คน ไปสกัดกั้นกองทัพพม่าที่ตำบลปันแต
คนละฝั่งของคลองเสม็ด (คลองชะอวด) ที่ตำบลท่าเสม็ด ชายเขตแดนเมืองพัทลุง
แต่กองทัพพัทลุงยังไม่ได้ปะทะกับกองทัพพม่า เนื่องจากสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทยกทัพหลวงมาตีทัพพม่าแตกพ่ายไปจนหมด
ครั้งเสร็จศึกพม่าแล้ว สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทเสด็จมาประทับที่เมืองสงขลา โปรดให้พระยาหัวเมืองภาคใต้เข้าเฝ้าถวายความอ่อนน้อม แต่ ๔ หัวเมืองที่เป็นกบฏ คือ พระยาจะนะ (อิน) น้องชายต่างมารดาของพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) พระยาปัตตานี พระยาไทรบุรีและพระยาตรังกานู ไม่ได้มาเข้าเฝ้า
สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดเกล้าฯ
ให้พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ไปจับตัวพระยาจะนะ ผู้เป็นน้องชายมาชำระความและตัดสินคดี
พระยาจะนะ (อิน) ยอมรับว่าได้เห็นผิด
คิดเป็นกบฏ และลอบส่งหนังสือไปถึงพม่าจริง พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ได้สอนน้องชายว่า
ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นเสมือนเกราะป้องกันอันตรายทั้งปวง คนมีสัจจะแม้สิ้นชีพไปแล้วเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมสรรเสริญ
ในเรื่องความเด็ดขาดของพระยาพัทลุง (ขุน หรือ ขุนคางเหล็ก) ที่เกี่ยวข้องกับน้องชายของท่านนั้น พงศาวดารจังหวัดพัทลุง ฉบับที่แต่งโดย หลวงศรีวรฉัตร์ (พิญ จันทโรจวงศ์) ได้กล่าวถึงความเด็ดของของพระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) ไว้อีกเรื่องหนึ่ง คือการสั่งประหารชีวิตน้องชายตัวเอง
เหตุเกิดในครั้ง “สงคราม ๙ ทัพ” ที่พม่ายกเข้ามาตีหัวเมืองทางใต้ด้วย ไทยเราไม่มีกำลังพอจะรับกองทัพพม่าที่โหมเข้ามาทุกทิศได้ จึงใช้ยุทธวิธีจัดการกับทัพพม่าทีละทัพ ส่วนทางใต้ก็ให้ช่วยตัวเองไปก่อน อย่างที่เกิดวีรสตรี ท้าวเทพกษัตรี และ ท้าวศรีสุนทร ขึ้นที่เมืองถลาง
ที่พัทลุง พระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) ได้ร่วมกับ พระมหาช่วย วัดป่าแขวงเมืองพัทลุง ซึ่งมีความรู้ทางไสยศาสตร์ ได้ลงเลขยันต์ตะกรุดผ้าประเจียดให้พวกพล แต่งทัพไปรับพม่าที่ตำบลคลองท่าเสม็ด พม่าได้มาตั้งค่ายประชิดคนละฟากคลอง แต่ยังไม่ทันรบกันพม่าก็ถอยทัพกลับไป
พระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) และพระมหาช่วยได้ไปเฝ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ที่ทรงยกทัพมาขับไล่พม่า ขณะนั้นทรงประทับที่เมืองสงขลา พระยาพัทลุง (ขุน หรือ ขุนคางเหล็ก) กราบทูลความชอบของพระมหาช่วย จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระมหาช่วยลาอุปสมบท แต่งตั้งให้เป็น พระยาทุกขราษฎร์ ผู้ช่วยราชการเมืองพัทลุง
ในครั้งนั้น มีผู้กราบทูลฟ้องว่า พระยาจะนะ (เณร หรือ อินท์ หรืออิน) น้องชายของพระยาพัทลุง (ขุน หรือ ขุนคางเหล็ก) คิดมิชอบ มีหนังสือไปถึงพม่าข้าศึก กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท โปรดเกล้าฯ ให้พระยาพัทลุงผู้พี่เป็นตุลาการชำระความ แล้วรับสั่งถามว่าควรประการใด
พระยาพัทลุงกราบทูลว่าควรประหารชีวิตตามบทพระอัยการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ประหารชีวิตพระยาจะนะตามคำตัดสิน แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) เป็นแม่กองคุมทัพเมืองพัทลุงและไพร่พลเมืองจะนะ เป็นทัพเรือโดยเสด็จไปตีเมืองปัตตานีต่อไป
พระยาพัทลุงแก้วโกรพพิชัย (ขุนคางเหล็ก) ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองพัทลุงอยู่ ๑๗ ปี
ก็ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๒
ขอกล่าวถึงความเป็นมาของพระยาจะนะ (อิน) นะครับ
พระยาจะนะ
(อิน) เป็นบุตรคนที่ ๒ ของพระยาราชบังสัน (ตะตา) เจ้าเมืองพัทลุง
บุตรของพระยาราชบังสัน
(ตะตา) มี ๔ ท่าน ได้แก่
๑.
พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก)
๒.
พระยาจะนะ (อิน)
๓.
หลวงฤทธิ์เสนีย์ (เมือง หรือเณร)
๔.
พระยาพัทลุง (เผือก)
พระยาจะนะ (อิน)
ได้เป็นเจ้าเมืองจะนะในสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
พระยาจะนะ
(อิน) มีบุตรคือ หลวงภักดีจางวาง
พระยาจะนะ (อิน) ถึงแก่อนิจกรรม ราวปี
พ.ศ. ๒๓๒๘ ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีก
โปรดติดตามนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น