Chalermkiat Mina

วันจันทร์, กรกฎาคม 31, 2566

มินามีเรื่องเล่า พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย)

มินามีเรื่องเล่า พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย)

ตรงสามแยกท่ามิหรำ ตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง มีอนุสาวรีย์วีรชนชาวพัทลุงตั้งตระหง่านให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา นั่นคือ อนุสาวรีย์พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) 

พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ท่านเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไร ขอเล่าให้ฟังกันครับ

ท่านช่วย เป็นบุคคลที่ ๒ ในจำนวนบุตร ๓ คนของขุนศรีสัจจัง ท่านเกิดที่บ้านน้ำเลือด หมู่ที่ ๕ ตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง 

สันนิษฐานว่าท่านคงเกิดในราวปี พ.ศ. ๒๒๘๒ ในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (ทรงครองราชย์ระหว่างปีพ.ศ. ๒๒๗๕- ๒๓๐๑)

เมื่อมีอายุได้ ๑๓ ปี บิดามารดาได้นำเด็กชายช่วยไปฝากเรียนหนังสือขอมและไทยกับท่านสมภารวัดควนปรง ซึ่งเป็นวัดอยู่ใกล้บ้าน 
ด้วยนิสัยรักการศึกษาค้นคว้าหาความรู้มาแต่เด็ก ท่านได้บรรพชาเป็นเณรในปีเดียวกัน

สามเณรช่วยได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างแตกฉานจนสอบผ่านได้เป็นสามเณรเปรียญ 

ต่อมาท่านได้อุปสมบทที่วัดเขาอ้อ ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน วัดเขาอ้อเป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านไสยศาสตร์เป็นที่นิยมของชาวเมืองพัทลุงและหัวเมืองใกล้เคียง 

เชื่อกันว่าพระมหาช่วยได้ศึกษาด้านไสยศาสตร์กับพระอาจารย์ทองเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญไสยเวทย์วิทยาคมที่มีชื่อเสียงที่วัดเขาอ้อ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง

ประมาณปี พ.ศ. ๒๓๑๕ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ได้เป็นเจ้าเมืองพัทลุง ท่านได้ย้ายที่ตั้งเมืองจากบ้านท่าม่วง ตำบลพญาขัน ไปตั้งใหม่ที่บ้านโคกสูง ตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง 

พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) เดิมนับถือศาสนาอิสลามแต่ต่อมาเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ นะครับ

ในช่วงนั้นวัดป่าลิไลย์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ใกล้ตัวเจ้าเมืองชำรุดทรุดโทรมมาก พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) และชาวเมืองได้ทำการบูรณะวัดแล้วนิมนต์พระมหาช่วยมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดป่าลิไลย์ 
ช่วงนั้นท่านเป็นภิกษุหนุ่มมีอายุเพียง ๓๓ ปี สมภารช่วย เปิดสำนักเรียนสอนพระปริยัติธรรมและภาษาบาลี ศิษย์บางคนก็ฝึกด้านไสยศาสตร์วิทยาคม 

เจ้าอาวาสวัดป่าลิไลย์ได้รับความเคารพศรัทธาเป็นอย่างดีจากพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก)

บทบาทของพระมหาช่วยในสงครามเก้าทัพ 

ต่อมา ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เกิดสงคราม ๙ ทัพในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่ายกกำลังพม่าจำนวน ๑๔๔,๐๐๐ คน จัดเป็น ๙ ทัพ บุกเข้ามาในประเทศไทย ด้านการสู้รบทางปักษ์ใต้ของไทย กำลังพลของพม่าเข้าตีเมืองกระบุรี ระนอง ชุมพร ไชยา ถลางและยึดเมืองนครศรีธรรมราชไว้ได้ และเตรียมกำลังเพื่อจะตีเมืองพัทลุงและสงขลาต่อไป

ฝ่ายเมืองพัทลุงนั้น พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ทราบข่าวว่าพม่าจะมาตีเมืองพัทลุง ท่านเรียกกรมการเมืองประชุมที่วัดป่าลิไลย์ ที่ประชุมเห็นว่า ควรหลบหนี แต่พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) และพระมหาช่วย เจ้าอาวาส เห็นว่าไม่ควรหลบหนี เป็นชายชาติทหารเกิดบนแผ่นดิน ถ้าจะตายจะขอตายบนแผ่นดินนี้ และไว้ชื่อให้ลูกหลานได้จดจำ
กรมการเมืองรวบรวมผู้คนได้ประมาณ ๑,๐๐๐ คน เพื่อเตรียมต่อสู้ พระมหาช่วยทำพิธีทางไสยศาสตร์ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ได้ลงเลขยันต์ ตะกรุด ผ้าประเจียดแจกให้พวกทหารทุกคน เพื่อให้อยู่ยงคงกระพันและเป็นขวัญกำลังใจในการสู้รบ พร้อมกันนี้ท่านยอมขึ้นนั่งบนคานหามไปในกองทัพเพื่อเป็นกำลังใจแก่ทหารเมือง

พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) แต่งทัพไปรับพม่าที่ตำบลคลองท่าเสม็ด พม่าได้มาตั้งค่ายประชิดคนละฟากคลอง แต่ยังไม่ทันรบกันพม่าก็ถอยทัพกลับไป ด้วยได้ข่าวว่ากองทัพจากกรุงเทพฯ ยกกำลังมาช่วยเหลือ

พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) และพระมหาช่วยได้เดินทางไปที่เมืองสงขลาเพื่อเข้าเฝ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระอนุชาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ที่ทรงยกทัพหลวงมาขับไล่พม่า ขณะนั้นทรงประทับที่เมืองสงขลา 

พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) กราบทูลความชอบของพระมหาช่วยในด้านการทำสงคราม 

พระมหาช่วยเห็นว่าท่านได้ทำเกินวิสัยสมณะด้านการส่งเสริมการสู้รบ จึงได้ลาสิกขาบท กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ท่านช่วยเป็น พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ผู้ช่วยราชการเมืองพัทลุง 

พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) มีภรรยาคนแรกชื่อ นุ่ม ชาวบ้านตำบลตำนาน มีบุตรด้วยกัน ๒ คน แต่ไม่ปรากฏชื่อ ต่อมาภรรยาคนแรกถึงแก่กรรม 


ท่านจึงมีภรรยาคนที่ ๒ ชื่อ เกด อยู่แถวบ้านนาค่อม มีบุตร ๑ คน แต่ไม่ปรากฏนามเช่นกัน

ท่านถึงแก่อนิจกรรมประมาณต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

นับได้ว่า พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) เป็นวีรชนคนกล้าของเมืองพัทลุงท่านหนึ่ง ที่ชาวพัทลุงน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีของท่าน และมาสักการะบูชาอนุสาวรีย์ของท่านตลอดมา
ร้อยตรีอนุกูล สุภาไชยกิจ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙ มีความคิดริเริ่มในการสร้างอนุสาวรีย์นี้เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีแด่พระยาทุกขราษฎร์ (ช่วย) ผู้ซึ่งปกป้องแผ่นดินพัทลุงให้รอดพ้นจากข้าศึกและเป็นที่สักการะของคนทั่วไป 

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ นายไพโรจน์ พรหมสาส์น ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงได้สนับสนุนการจัดงานหาทุนและลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างอนุสาวรีย์พระยาทุกขราษฎร์ขึ้น

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มาเป็นประธานในการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ณ บริเวณสามแยกท่ามิหรำ

อนุสาวรีย์พระยาทุกขราษฎร์เป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดีของวีรชนชาวพัทลุงที่เสียสละกล้าหาญ ปกป้องแผ่นดินพัทลุง เป็นตัวอย่างให้อนุชนรุ่นหลังได้ยึดถือต่อไป

*************&*
ข้อมูลประกอบการเล่าเรื่อง
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.  ๒๕๕๖.  ทรัพยากรท่องเที่ยวไทย ชุดภาคใต้ พัทลุง
- หลวงศรีวรฉัตร์ (พิญ จันทโรจวงศ์) พงศาวดารจังหวัดพัทลุง ในหนังสืออนุสรณ์พระราชทานเพลิงศพ นายเจน ฤทธิเดช ท.ช. ท.ม. ๒๕๓๐ หน้า ๑๑๐
- ถนอม พูนวงศ์.  (๒๕๕๙).  ประวัติศาสตร์เมืองพัทลุง.  กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French

  มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) เป็นพระอัครมเหสีน้อยของสมเด็จพ...