มินามีเรื่องเล่า สาเกตนคร ตอนที่
๓
สวัสดีครับ วันนี้ขอเล่าเรื่องเมืองสาเกตนคร
หรือร้อยเอ็ดต่อนะครับ
ก่อนอื่น ขอกล่าวถึงเจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๑
ก่อนนะครับ ท่านคือ พระขัติยวงษา (ท้าวทนต์) ท่านเป็นเจ้าเมืองระหว่างปี
พ.ศ. ๒๓๑๘ ถึงปี พ.ศ. ๒๓๒๖
ปี พ.ศ.
๒๓๑๘ ท้าวทนต์ได้รับพระบรมราชโองการจากพระเจ้าตากสินมหาราชให้เป็น พระขัติยวงศาสุทนตมณี เจ้าเมืองคนแรกของร้อยเอ็ด
จำกันได้ไหมครับว่า
พระขัติยวงษา (ท้าวทนต์) ท่านเป็นบุตรของเจ้าแก้วมงคล (หรือที่เรียกว่า จารย์แก้ว)
ผู้เป็นเจ้าเมืองท่ง หรือที่เรียกว่าเมืองท่งศรีภูมิ
เจ้าแก้วมงคล
มีบุตรสองคน คนแรกคือท้าวมืด คนที่สองคือท้าวทนต์
ในช่วงเวลานั้นเมืองท่ง
ขึ้นอยู่กับนครจำปาศักดิ์นะครับ เมื่อเจ้าแก้วมงคลถึงแก่กรรม ท่านมีอายุได้ ๘๔ ปี เจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูล
เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ จึงแต่งตั้งให้ท้าวมืด ผู้เป็นบุตรของเจ้าแก้วมงคล
เป็นเจ้าเมืองท่งสืบต่อจากบิดา โดยมีท้าวทนต์ เป็นอุปฮาด
ท้าวมืดเป็นเจ้าเมืองท่งจนถึงแก่กรรมในปี
พ.ศ. ๒๓๐๖
ทางเมืองจำปาศักดิ์ได้แต่งตั้งท้าวทนต์
ผู้เป็นอุปฮาดและเป็นน้องท้าวมืดให้รักษาการณ์เจ้าเมืองท่งระหว่างปี พ.ศ. ๒๓๐๖
ถึงปี พ.ศ. ๒๓๑๐
ในช่วงรักษาการณ์เจ้าเมืองท่ง ปรากฏว่า
ท้าวทนต์มีเรื่องขัดแย้งกับท้าวเชียงและท้าวสูน
ซึ่งเป็นบุตรของท้าวมืดและเป็นหลานของท้าวทนต์
ท้าวเชียงและท้าวสูนไปขอความช่วยเหลือจากกรุงธนบุรี
ทางฝ่ายไทยให้ความช่วยเหลือท้าวทั้งสอง ทำให้ท้าวทนต์ต้องหนีออกจากเมืองไปตั้งหลักอยู่ที่บ้านกุดจอก
เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงแต่งตั้งท้าวเชียงเป็นเจ้าเมืองท่งหรือท่งศรีภูมิแทนท้าวทนต์
ในสมัยของท้าวเชียงนี้มีการย้ายเมือง
และกลายเป็นชื่อเมืองสุวรรณภูมิ กล่าวคือ ปี พ.ศ. ๒๓๑๙
ท้าวเชียงได้ย้ายเมืองท่งศรีภูมิไปอยู่ที่บ้านดงท้าวสาร เพราะดินถูกน้ำกัดเซาะ
ต่อมาเมืองใหม่นี้ได้และขนามนามว่า “สุวรรณภูมิ” โดยขอขึ้นกับกรุงธนบุรี
เนื่องจากในช่วงเวลานี้ทางนครจำปาศักดิ์อ่อนแอ
มีการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างเจ้าเมืองกับอุปฮาด
ปี พ.ศ. ๒๓๓๐ ท้าวเชียง เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ
ถึงแก่กรรม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอุปฮาดสูน
ผู้เป็นน้องชายท้าวเชียง เป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิสืบต่อจากพี่ชาย
และท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระรัตนวงษา (ท้าวสูน)
ขอเล่าเรื่องราวทางเมืองสุวรรณภูมิมาถึงสมัยของพระรัตนวงษา
(ท้าวสูน) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนที่ ๕ นะครับ ตอนนี้เรากลับมาดูเรื่องราวของเมืองร้อยเอ็ดกันก่อนนะครับ
บุคคลสำคัญของการก่อตั้งเมืองร้อยเอ็ดในยุคนี้ คือ
ท้าวทนต์ ครับ
ย้อนมาเรื่องความขัดแย้งระหว่างท้าวทนต์กับหลานทั้งสองคน
คือท้าวเชียงและท้าวสูนกันนะครับ
ในปีพ.ศ. ๒๓๑๘ ท้าวทนต์ขอเข้าพบพระยาพรหมและพระยากรมท่า
ซึ่งเป็นข้าหลวงของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อยอมขึ้นอยู่กับกรุงธนบุรี
พระยาพรหมและพระยากรมท่าพิจารณาว่าท้าวทนต์มีบ่าวไพร่ในการควบคุมอยู่มาก
พระยาทั้งสองท่านจึงมีใบบอก (หนังสือแจ้งราชการมาจากหัวเมือง) ไปยังสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
และขอยกบ้านกุ่ม (บางทีเรียกว่า บ้านกุ่มร้าง) ซึ่งเป็นเมืองร้อยเอ็ดเก่าขึ้นเป็นเมือง
ปี
พ.ศ. ๒๓๑๘ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งท้าวทนต์เป็นพระขัติยวงษา
และยกบ้านกุ่มเป็นเมืองร้อยเอ็ดตามนามเดิมของเมือง
มูลเหตุที่เรียกเมืองว่า
เมืองร้อยเอ็ด เพราะเมืองนี้มี ๑๑ ประตู แต่ชาวอีสานจะเขียนเป็น ๑๐๑ ประตู
คนภาคกลางเข้าใจผิดเป็นร้อยเอ็ดประตู
พระขัติยวงษา (ท้าวทนต์) เป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ดได้ ๘ ปี ป่วยถึงแก่กรรมในปี
พ.ศ. ๒๓๒๖ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่๑)
พระขัติยวงษา
(ท้าวทนต์) มีบุตร ๓ คน ได้แก่ ท้าวสีลัง ท้าวภู และท้าวอ่อน
เมื่อท้าวทนต์ถึงแก่กรรม
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ ๑) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวสีลัง เป็นพระขัติยวงษา
(ท้าวสีลัง) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๒ ต่อจากพระขัติยวงษา (ท้าวทนต์)
พระขัติยวงษา
(ท้าวสีลัง) ทำความดีความชอบ ได้รับพระราชทานยศให้เป็น พระยาขัติยวงษาพิสุทธิบดี
พระขัติยวงษา (ท้าวสีลัง) ท่านเป็นต้นตระกูลของ
ธนสีลังกุล
พระขัติยวงษา
(ท้าวสีลัง)
มีบุตร ๔ คน ได้แก่ พระพิไสยสุริยวงศ์ อุปฮาดสิงห์ ท้าวจอมและราชวงศ์อินทร์
พระขัติยวงษา
(ท้าวสีลัง) กับภรรยาคนที่หนึ่ง มีบุตร คือ พระพิไสยสุริยวงศ์ (เจ้าตาดี
หรือ เจ้าโพนแพง) เจ้าเมืองโพนพิสัย ต่อมาพระพิไสยสุริยวงศ์ท่านเป็นบิดาของพระขัติยวงษา
(ท่าวสาร) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๕ และพระขัติยวงษา (ท้าวเสือ)
เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๖ นะครับ
พระขัติยวงษา
(ท้าวสีลัง) มีบุตรกับภรรยาคนที่สอง คือ ท้าวสิงห์ ต่อมาเป็นอุปฮาดสิงห์ และท้าวจอม ได้เป็นอุปฮาดในสมัยที่พระขัติยวงษา (ท้าวสาร) เป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ด และบุตรคนสุดท้อง คือ ท้าวอินทร์ ต่อมาได้เป็นพระขัติยวงษา (ท้าวอินทร์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๓ สืบต่อจากบิดา คือ พระขัติยวงษา (ท้าวสีลัง)
เรื่องราวยังมีให้ติดตามอีกมากนะครับ
โปรดติดตามนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น