มินามีเรื่องเล่า: สาเกตนคร (๒)
สวัสดีครับ
ขอเล่าต่อเรื่องเมืองสุวรรณภูมิและเมืองร้อยเอ็ดต่อนะครับ
เตรียมตัวทบทวนรายชื่อวงศาคณาญาติให้ดีนะครับ
ขอไล่ชื่อเจ้าเมืองสายสุวรรณภูมิก่อนนะครับ
๑. เจ้าแก้วมงคล
(หรือที่เรียกว่า เจ้าแก้วบรม หรือจารย์แก้ว) ครองเมืองทง
(หรือที่เรียกว่าเมืองทุ่ง หรือ เมืองท่งศรีภูมิ เดิมเป็นบ้างทุ่งขาวพันนา)
๒. ท้าวมืด
เป็นเจ้าเมืองท่งศรีเมืองคนที่ ๒ ท่านเป็นบุตรชายของเจ้าแก้วมงคล
๓. ท้าวทนต์
เจ้าเมืองท่งศรีเมืองคนที่ ๓ ท่านเป็นบุตรชายของเจ้าแก้วมงคล
และเป็นน้องชายของท้าวมืด
จับตาท้าวทนต์ให้ดีนะครับ
เพราะท่านจะไปเป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนแรก
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๒๙๓ ท้าวมืดถึงแก่กรรม
ทางนครจำปาศักดิ์จึงแต่งตั้งท้าวทนต์ ผู้เป็นน้องชายของท้าวมืดให้รักษาการเจ้าเมือง
ท้าวมืดมีบุตรชายสองคน คือ ท้าวเชียงและท้าวสูน
บุตรชายทั้งสองคนของท้าวมืดมีเรื่องบาดหมางกับท้าวทนต์ผู้เป็นอา
ท้าวเชียงและท้าวสูนจึงไปขอความช่วยเหลือจากกรุงธนบุรี
ทางฝ่ายไทยให้การช่วยเหลือท้าวเชียงและท้าวสูน
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรีทรงแต่งตั้งให้ท้าวเชียงเป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนที่สี่
ต่อจากเจ้าแก้วมงคลและท้าวมืด และท้าวทนต์ และให้ท้าวสูนเป็นอุปราช
ฝ่ายท้าวทนต์ ผู้เป็นอา คือเป็นน้องชายของท้าวมืดทำอย่างไรครับ
ท้าวทนต์ ผู้เป็นอาของท้าวเชียงและท้าวสูน ได้หนีออกจากเมืองท่ง
ไปตั้งหลักที่บ้านกุ่ม และต่อมาได้ขอให้กรุงธนบุรียกขึ้นเป็นเมือง
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งท้าวทนต์เป็นพระขัติยวงศา
และยกบ้านกุ่มเป็นเมืองร้อยเอ็ด
เดี๋ยวเรากลับมาดูรายชื่อเจ้าเมืองร้อยเอ็ดอีกทีนะครับ
ตอนนี้กลับมาดูเมืองท่ง (สุวรรณภูมิ) กันก่อนนะครับ
สรุปว่าตอนนี้ เมืองท่ง
มีเจ้าเมืองมาได้ ๔ ท่านแล้ว คือ เจ้าแก้วมงคล ท้าวมืด ท้าวทนต์ ท้าวเชียง
ขอเรียงตามลำดับอีกทีนะครับ
๑. เจ้าแก้วมงคล
๒. ท้าวมืด
๓. ท้าวทนต์
๔. ท้าวเชียง
อย่าลืมนะครับว่า
ท้าวมืดและท้าวทนต์เป็นบุตรเจ้าแก้วมงคล ท้าวเชียงและท้าวสูน เป็นบุตรท้าวมืด
และเป็นหลานท้าวทนต์
จากท้าวเชียงเป็นต้นไป
จะมีตำแหน่งเรียกชื่อเจ้าเมืองท่งว่า “พระรัตนวงษา” นะครับ
ทำไมหรือครับ
ท้าวเชียงครองเมืองท่งระหว่างปี
พ.ศ. ๒๓๐๗ ถึง ๒๓๑๕ ท่านได้ย้ายเมืองนะครับ ไปตั้งเมืองใหม่ที่บ้านดงเท้าสาร
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระราชทานนามว่า เมืองสุวรรณภูมิราชบุรินทร์
และทรงแต่งตั้งท้าวเชียงให้เป็น “พระรัตนวงษา” เจ้าเมืองสุวรรณภูมิราชบุรินทร์
ดังนั้นตำแหน่งเจ้าเมืองสุวรรณภูมิตั้งแต่ท้าวเชียงจึงเรียกว่า
พระรัตนวงษา นะครับ
๕. พระรัตนวงษา (ท้าวสูน) ท่านเป็นน้องชายของพระรัตนวงษา (ท้าวเชียง)
และเป็นบุตรของท้าวมืด เจ้าเมืองคนที่ ๒
๖. พระรัตนวงษา (ท้าวอ่อน) ท่านเป็นบุตรของท้าวทนต์ เจ้าเมืองคนที่ ๓
๗. พระรัตนวงษา (ท้าวโอ๊ะ) ท่านเป็นบุตรของพระรัตนวงษา (ท้าวเชียง) เจ้าเมืองคนที่ ๔
ครับ
๘. พระรัตนวงษา (ท้าวภู) ท่านเป็นบุตรคนที่สองของท้าวทนต์ เจ้าเมืองคนที่ ๓
๙. พระรัตนวงษา (ท้าวสาร) ท่านเป็นบุตรคนที่สองของพระรัตนวงษา (ท้าวโอ๊ะ)
เจ้าเมืองคนที่ ๗
๑๐. พระรัตนวงษา (ท้าวมหาราช-เลน) ท่านเป็นบุตรของพระรัตนวงษา (ท้าวอ่อน) เจ้าเมืองคนที่ ๖
๑๑. พระรัตนวงษา (ท้าวคำผาย) ท่านเป็นบุตรคนโตของพระรัตนวงษา (ท้าวภู) เจ้าเมืองคนที่ ๘
ต่อมาท่านได้รับราชทินนามเป็นพระยารัตนวงษา
๑๒. พระยารัตนวงษา (ท้าวคำสิงห์) ท่านเป็นบุตรคนที่สองของพระรัตนวงษา (ท้าวภู) เจ้าเมืองคนที่
๘ ท่านเป็นน้องของพระยารัตนวงษา (คำผาย)
๑๓. พระยารัตนวงษา (ท้าวคำสอน
หรือ สอน) ท่านเป็นบุตรคนที่สามของพระรัตนวงษา (ท้าวภู) เจ้าเมืองคนที่
๘ ท่านเป็นน้องชายของพระยารัตนวงษา (คำผาย)และพระยารัตนวงษา (คำสิงห์)
๑๔. พระรัตนวงษา (ท้าวอำคา) ท่านเป็นบุตรคนโตของพระรัตนวงษา (ท้าวคำสอน) เจ้าเมืองคนที่
๑๓ ครับ
ต่อมามีการปฏิรูปการปกครองใน
ปี พ.ศ. ๒๔๔๐ ได้ล้มเลิกระบบการปกครองอีสานเดิม ยกเลิกตำแหน่งเจ้าเมือง
เปลี่ยนชื่อเป็นผู้ว่าราชการเมือง
ดังนั้น
ถ้าพูดถึงเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ จะมีตำแหน่งเป็นพระรัตนวงษา ทีนี้มาพูดถึงเมืองร้อยเอ็ดกันบ้างนะครับ
ทุกท่านจะคุ้นกับชื่อพระขัติยวงษา นะครับ
จากเจ้าเมืองสุวรรณภูมิราชบุรินทร์สู่เจ้าเมืองร้อยเอ็ด
ตำแหน่งเจ้าเมืองร้อยเอ็ดมีดังนี้ครับ
๑. พระขัติยะวงษา (ท้าวทนต์)
เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนแรก ท่านได้รับพระทานพระราชทินนามให้เป็นพระขัติยวงษา
เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๘
จำกันได้นะครับ
ท้าวทนต์เคยปกครองเมืองท่ง (เจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนที่ ๓) และได้ย้ายมาตั้งเมืองใหม่
ท้าวทนต์มีบุตร ๓ คน คือ
ท้าวสีลัง (พระขัติยวงษา เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๒) ท้าวภู (พระรัตนวงษา เจ้าเมืองคนที่
๘) และท้าวอ่อน (พระรัตนวงษา เจ้าเมืองคนที่๖)
๒. พระขัตติยวงษา (ท้าวสีลัง) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่
๒ ท่านเป็นบุตรของพระขัติยวงษา (ท้าวทนต์)
ท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระขัติยวงศ์พิสุทธบดี ต้นสกุล “ธนสีลังกูร”
๓. พระขัติยวงษา (ท้าวอินทร์)
เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๓ ท่านเป็ฯบุตรของพระชัติยวงษา (ท้าวสีลัง)
๔. พระขัตติยวงษา (ท้าวจันทร์)
เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๔ ท่านเป็นบุตรของพระชัติยวงษา (ท้าวอินทร์)
๕. พระขัติยวงษา (ท้าวสาร)
เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๕ ท่านเป็นบุตรคนโตของพระพิไสยสุริยวงศ์ เจ้าเมืองโพนพิสัย
ซึ่งพระพิไสยสุริวงศ์เป็นบุตรคนโตของพระชัติยวงษา (ท้าวสีลัง)
๖. พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ)
เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๖ ท่านเป็นบุตรคนที่สองของพระพิไสยสุริยวงศ์ เจ้าเมืองโพนพิสัย
ซึ่งพระพิไสยสุริวงศ์เป็นบุตรคนโตของพระขัติยวงษา (ท้าวสีลัง)
๗. พระขัติยวงษา (ท้าวสุริย-เภา)
เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๗ ท่านเป็นบุตรของท้าวสุริยวงศ์ (เภา) ซึ่งท้าวสุริยวงส์
(เภา) เป็นบุตรของพระขัติยวงษา (เสือ)
๘. พระยาขัติยวงษาเอกาธิกะสตานันท์ (เหลา)
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมือง
เป็นอย่างไรบ้างครับ สับสนไหมครับ
ยังมีรายละเอียดที่จะมานำเสนอในโอกาสต่อไปนะครับ
โปรดติดตามอย่างตามติด

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น