มินามีเรื่องเล่า
พระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม) เจ้าเมืองจตุรพักตรพิมาน
สวัสดีครับ วันนี้ของเล่าเรื่อง
พระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม) เจ้าเมืองคนแรกของเมืองจตุรพักตรพิมาน
ปัจจุบันคืออำเภอจตุพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ดครับ
พระธาดาอำนวยเดชเป็นใคร
พระธาดาอำนวยเดช เดิมมีชื่อว่า
ท้าวพรหม หรือท้าวพรม หรือท้าวสุพรม หรือท้าวสุพรหม ท่านเป็นต้นสกุล “สุวรรณธาดา”
นะครับ
พระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม) เป็นบุตรคนที่
๔ ของพระรัตนวงษา (ท้าวคำสิงห์) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนที่ ๑๒ กับท่านแม่โซ่น
(แป้)
จำกันได้นะครับว่า พระรัตนวงษา
(ท้าวคำสิงห์) ท่านเป็นบุตรของพระรัตนวงษา (ท้าวภู)
เจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนที่ ๘
พระรัตนวงษา (ท้าวภู)
ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒ ของท้าวทนต์ เจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนที่ ๓
ซึ่งต่อมาท้าวทนต์ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระขัติยวงษา (ท้าวทนต์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่
๑
ดังนั้น พระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม)
ท่านจึงเป็นหลานปู่ของพระรัตนวงษา (ภู) และเป็นเหลนของพระขัติยวงษา
(ท้าวทนต์) ครับ
พระธาดาอำนวยเดชท่านมีพี่น้องรวมกัน ๕
ท่าน ได้แก่
๑. นางทอง
ท่านได้สมรสกับเจ้าเมืองสุรินทร์
๒. ท้าวขัติย (ท้าวเทศ) เจ้าเมืองพยัคฆภูมิพิสัยคนแรก ท่านได้รับ พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นามว่า พระศรีสุวรรณวงศา (เป็นเจ้าเมืองระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๒-พ.ศ. ๒๔๓๖)
๓. ท้าวโพธิสาร (ท้าวเดช) ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระศรีสุวรรณวงศา ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองพยัคฆภูมิพิสัยคนที่สองต่อจากท้าวเทศ พี่ชายของท่าน
๔. หลวงพรหมพิทักษ์ (ท้าวพรหม) ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระ ธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม) เจ้าเมืองจตุรพักตรพิมาน
๕. ท้าวสุริยวงศ์
(ท้าวเพชร) ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเมืองสุวรรณภูมิ
พระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม) เกิดเมื่อปีระกา เดือน ๙ พ.ศ. ๒๓๙๕ ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในขณะนั้นบิดาของท่าน คือ พระรัตนวงษา (ท้าวคำสิงห์) ดำรงตำแหน่งอุปฺฮาด (คำสิงห์) ในสมัยของพระรัตนวงษา (ท้าวคำผาย) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนที่ ๑๑
ในปี พ.ศ. ๒๔๑๓ ท้าวพรหมมีอายุ ๑๘ ปี บิดาของท่าน คือ อุปฮาด (ท้าวคำสิงห์) ได้ส่งท่านไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กเพื่อเรียนวิชาการเมืองการปกครองในพระบรมมหาราชวังในสมัยของพระบาทสมด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ถือเป็นธรรมเนียมของลูกหลานเจ้านายหัวเมืองประเทศราช เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งท้าวพรหมเป็น ท้าวมหาไชย ตำแหน่งคณะกรมการเมืองสุวรรณภูมิ
ปี พ.ศ. ๒๔๑๕ ท้าวมหาไชย (ท้าวพรหม)
มีอายุได้ ๒๐ ปี ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ ให้เป็น ราชบุตร (ท้าวพรหม) แห่งเมืองสุวรรณภูมิ
ต่อมาท่านได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลวงพรหมพิทักษ์
(ท้าวพรหม) ตำแหน่ง ผู้ช่วยราชการเมืองสุวรรณภูมิ ขณะนั้นท่านมีอายุ ๒๒ ปี
ในเวลาต่อมา พระรัตนวงษา
(ท้าวคำสิงห์) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ คนที่ ๑๒ ซึ่งเป็นบิดาของหลวงพรหมพิทักษ์
(พรหม) ได้ทูลขอพระกรุณายกบ้านเมืองหงส์ให้เป็นเมือง และขอให้หลวงพรหมพิทักษ์
(ท้าวพรหม) เป็นเจ้าเมือง โดยขึ้นตรงต่อเมืองสุวรรณภูมิ
ระยะทางจากบ้านเมืองหงส์ห่างจากเมืองสุวรรณภูมิราว ๕๐ กิโลเมตร
ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ สถาปนาเมืองจตุรพักตรพิมานขึ้น และทรงแต่งตั้งให้ หลวงพรหมพิทักษ์
(ท้าวพรหม) เป็นพระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม) เจ้าเมืองจตุรพักตรพิมาน
ขึ้นกับเมืองสุวรรณภูมิ ท่านได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.
๒๔๒๕ ขณะที่ท่านมีอายุได้ ๓๐ ปี
เดิมที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงยกบ้านเมืองหงส์ให้เป็นเมืองจตุรพักตรพิมานตามที่พระรัตนวงษา
(ท้าวคำสิงห์) กราบทูล ต่อมาพระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม) ได้ย้ายที่ว่าการเมืองมาตั้งอยู่
ณ บ้านเปือยหัวช้าง หรือที่เรียกว่า บ้านเปือยใกล้หนองหัวช้าง
ห่างจากเมืองหงส์ ๙๐ เส้น (หรือ ๓.๖ กิโลเมตร) และตั้งชื่อเมืองให้สอดคล้องกับนามเจ้าเมือง
คือ ท้าวพรหม ต่อมาเมื่อมีการยุบเมืองลงเป็นอำเภอแล้ว บ้านเปือยหัวช้าง
จึงได้เรียกว่า อำเภอหัวช้าง อยู่สมัยหนึ่ง
เมื่อพระธาดาอำนวยเดช
(ท้าวพรหม) ไม่ได้ตั้งที่ว่าการเมืองที่เมืองหงส์ตามเอกสารตราตั้ง พระขัติยวงษา
(ท้าวเภา) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๗ จึงได้มีใบบอกไปที่กรุงเทพฯ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ
ให้เจ้าเมืองอุบลราชธานีมาสอบสวน ปรากฏว่าได้มีการสร้างเมืองลงหลักปักเมืองแข็งแรงมากแล้ว
รื้อถอนไม่ได้ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองอยู่ที่บ้านเปือยหัวช้างต่อไป
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกตำแหน่งอาญาสี่ คือ เจ้าเมือง อุปฮาด
ราชวงศ์ และราชบุตร โดยให้เรียกตำแหน่งใหม่ จากเจ้าเมือง เป็น ผู้ว่าราชการเมือง
จากอุปฮาดเป็นปลัดเมือง จากราชวงศ์เป็นมหาดไทยเมือง และจากราชบุตรเป็นยกกระบัตรเมือง
ดังนั้นพระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม)
จึงได้ตำแหน่งใหม่เป็น ผู้ว่าราชการเมืองจตุรพักตรพิมาน
ขึ้นกับเมืองสุวรรณภูมิ และเนื่องจากเมืองจตุรพักตรพิมานเพิ่งก่อตั้ง
ไม่มีตำแหน่งอุปฮาด ราชวงศ์และราชบุตร จึงไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งอื่นๆ
ในคณะอาญาสี่
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ มีการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่นใหม่
มีการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน
ตามสถานะของเมืองใหญ่หรือเมืองเล็ก เมืองจตุรพักตรพิมานจึงถูกเปลี่ยนให้เป็นอำเภอ
และผู้ปกครองเมืองเรียกว่า นายอำเภอ
ดังนั้น พระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม)
จึงได้ดำรงตำแหน่งราชการรวม ๓ ตำแหน่ง คือตำแหน่งเจ้าเมือง ซึ่งเป็นตำแหน่งก่อนการปฏิรูปการปกครองราชการ
และตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองและนายอำเภอ ซึ่งเป็นตำแหน่งหลังการปฏิรูปการปกครองราชการ
ปี พ.ศ. ๒๔๕๕ พระธาดาอำนวยเดช (ท้าวพรหม)
ท่านเกษียณอายุราชการเมื่อมีอายุครบ ๖๐ ปี ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรมการพิเศษจังหวัดร้อยเอ็ด
มีหน้าที่ให้การปรึกษาข้อราชการงานเมืองต่างๆ
ที่มาของนามสกุล “สุวรรณธาดา”
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๖ ได้มีพระราชบัญญัตินามสกุลแก่พสกนิกรชาวไทย พระธาดาอำนวยเดช
(ท้าวพรหม) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรมการพิเศษจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ขอพระราชทานนามสกุล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามสกุลให้พระธาดาอำนวยเดช
(ท้าวพรหม) เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๒ ขณะนั้นท่านมีอายุ ๖๗ ปี
ท่านได้รับพระราชทานนามสกุลว่า “สุวรรณธาดา” (Suvarnadhâtâ)
คำว่า “สุวรรณ” แปลว่า “ทอง” หมายถึง
นามของท้าวคำสิงห์ บิดาของพระธาดาอำนวยเดช ซึ่งครองเมืองสุวรรณภูมิ
และน่าจะมาจากการที่พระธาดาอำนวยเดชสืบเชื้อสายมาจากสุวรรณภูมิ ส่วนคำว่า “ธาดา”
แปลว่า “พระพรหม” คือเทพผู้สร้างโลก เป็นหนึ่งในสามเทพตรีมูรติ
ซึ่งมีพระศิวะ พระนารายณ์และพระพรหม
ในสำเนาพระราชทานนามสกุล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงลงพระปรมาภิไทยว่า “ราม
วชิราวุธ ปร.” มีใจความว่า
ขอให้นามสกุลของ รองอำมาตย์โท
พระธาดาอำนวยเดช (พรม) กรมการพิเศษจังหวัดร้อยเอ็จ ตามที่ขอมานั้นว่า “สุวรรณธาดา”
(เขียนเปนอักษรโรมัน ว่า “Suvarnadhâtâ”
อันเปนมงคลนาม
ขอให้สกุล สุวรรณธาดา
มีความเจริญรุ่งเรืองมั่นคงอยู่ในกรุงสยามชั่วกัลปาวสาน
พระที่นั่งอัมพรสถาน
วันที่
๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๒
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระธาดาอำนวยเดช (พรหม สุวรรณธาดา) ถึงแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ ด้วยโรคชรา
สิริอายุได้ ๗๖ ปี ท่านได้รับพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดสุทัศน์ อำเภอจตุรพักตรพิมาน
ซึ่งเป็นวัดที่ท่านเป็นผู้สร้างขึ้น
ไปเยี่ยมยามเมืองจตุรพักตรพิมาน อย่าลืมไปนมัสการพระพรหมกันนะครับ
*************
แหล่งข้อมูลประกอบการเล่าเรื่อง
เติม วิภาคย์พจนกิจ. (๒๕๓๐). ประวัติศาสตร์อีสาน ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
พันคำทอง สุวรรณธาดา. (๒๕๖๓). ครรลองไทอีสาน-ล้านช้าง. มหาสารคาม : หยกศึกษาภัณฑ์และการพิมพ์.
สุวิทย์
ธีรศาศวัต. (๒๕๕๗). ประวัติศาสตร์อีสาน พ.ศ. ๒๓๒๒-๒๔๘๘ เล่ม
๑. ขอนแก่น :
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น.


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น