Chalermkiat Mina

วันจันทร์, พฤศจิกายน 14, 2565

มินามีเรื่องเล่า สาเกตนคร ตอนที่ ๘ พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๖

 

มินามีเรื่องเล่า สาเกตนคร ตอนที่ ๘ พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๖

         สวัสดีครับ วันนี้เรามารู้จักเจ้าเมืองร้อยเอ็ดท่านที่ ๖ นะครับ เป็นธรรมเนียมนะครับ เราต้องไล่เรียงเจ้าเมืองร้อยเอ็ดกันก่อนนะครับ

         เริ่มจากเจ้าเมืองร้อยเอ็ดท่านที่ ๑ คือ พระขัติยวงษา (ท้าวทนต์) ท่านที่ ๒ คือ พระขัติยวงษา (ท้าวสีลัง) ท่านที่ ๓ คือ พระขัติยวงษา (ท้าวอินทร์) ท่านที่ ๔ คือ พระขัติยวงษา (ท้าวจันทร์) ท่านที่ ๕ คือ พระขัติยวงษา (ท้าวสาร)

         ท่านที่ ๖ คือ พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ)

         จำกันได้นะครับว่า ท้าวเสือ ท่านเป็นราชบุตร (เสือ) ในสมัยของพระขัติยวงษา (ท้าวสาร) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๕    

         ราชบุตร (เสือ) ได้มีความดีความชอบในการไปร่วมปราบศึกฮ่อ กอรปกับพระขัติยวงษา (ท้าวสาร) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดถูกคุมขัง จึงใด้มีการแต่งตั้งราชบุตรเสือให้เป็นพระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) เจ้าเมืองร้อยเอ็ด แทนพระขัติยวงษา (ท้าวสาร)

         ปี พ.ศ. ๒๔๒๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งราชบุตรเสือเป็นพระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๖ ครับ ท่านได้ปกครองเมืองร้อยเอ็ดเป็นเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๒๐ ถึงปี พ.ศ. ๒๔๒๕

         ในสมัยของพระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) มีการเปลี่ยนแปลงคณะอาญาสี่ คือ คณะผู้ปกครองเมืองหลายชุดครับ เรามาดูกันทีละชุดครับ

         คณะอาญาสี่ชุดที่ ๑ (ปี พ.ศ. ๒๔๒๐)

         คณะอาญาสี่ชุดที่ ๑ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๐ ได้แก่ พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) อุปฮาดก่ำ ราชวงศ์ (เชียงคำ) และราชบุตร (จักร)

         ท่านใดมาจากไหน ใครเป็นใคร มาพิจารณากันครับ

         เริ่มที่พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๖

ทบทวนอีกครั้งครับ พระขัติยวงษา (ท้าวสีลัง) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๒ มีบุตร คือ พระพิไสยสุริยวงศ์ อุปฮาดสิงห์ อุปฮาดจอม (สมัยพระขัติยวงษา-ท้าวสาร) และราชวงศ์อินทร์ (ต่อมาเป็นพระขัติยวงษา-ท้าวอินทร์ เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๓)

         พระพิไสยสุริยวงศ์ ท่านมีบุตร คือ ท้าวสาร (ต่อมาเป็นพระขัติยวงษา-ท้าวสาร เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๕) ท้าวเสือ (พระขัติยวงษา-ท้าวเสือ เจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนที่ ๖ ที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่ครับ และท้าวอุปชิต

         อุปฮาด (ก่ำ) ท่านเป็นบุตรของราชวงศ์ (เหง้า) ท่านราชวงศ์ (เหง้า) เป็นหลานของพระชัติยวงษา (ท้าวสีลัง) และท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระรัตนวงษา (ท้าวคำผาย) แห่งเมืองสุวรรณภูมิ ต่อมาท่านราชวงศ์ (เหง้า) ได้เป็นอุปฮาด (เหง้า)ในสมัยของพระรัตนวงษา (ท้าวคำผาย) แห่งเมืองสุวรรณภูมิและต่อมาอุปฮาด (เหง้า) ยังได้เป็นพระศรีเกษตราธิชัย เจ้าเมืองเกษตรวิสัยนะครับ

         ราชวงศ์ (เชียงคำ) ท่านเป็นน้องชายของอุปฮาด (ก่ำ) บิดาของท่าน คือ ราชวงศ์ (เหง้า) ครับ

         ราชบุตร (จักร) ท่านเป็นหลานของพระขัติยวงษา (ท้าวเสือ)

*************

         คณะอาญาสี่ชุดที่ ๒ (ปี พ.ศ. ๒๔๒๓)

         ปี พ.ศ. ๒๔๒๒ อุปฮาด (ก่ำ) ถึงแก่กรรม และต่อมาราชวงศ์ (เชียงคำ) ขณะที่ท่านเดินทางกลับมาเมืองร้อยเอ็ด ท่านถึงแก่กรรมที่บ้านสนามแจง ดังนั้น กรมการเมืองผู้ใหญ่ถึงแก่กรรมถึงสองท่าน คืออุปฺฮาด (ก่ำ) เป็นพี่ชาย และราชวงศ์ (เชียงคำ) ผู้เป็นน้องชาย

         ในปี พ.ศ. ๒๔๒๓ พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) ได้มีใบบอกไปยังกรุงเทพฯ เพื่อขอตั้งตำแหน่งในคณะอาญาสี่ใหม่ โดยขอเลื่อนราชบุตร (จักร) เป็นอุปฮาด (จักร) แทนอุปฮาด (ก่ำ) และขอท้าวสุริยะ (เภา) เป็นราชวงศ์ (เภา) และขอท้าวเครือ เป็นราชบุตร (เครือ) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตามที่เจ้าเมืองร้อยเอ็ดแจ้งมา

         ดังนั้น คณะอาญาสี่ชุดที่ ๒ นี้ จึงมี พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) อุปฮาด (จักร) ราชวงศ์ (เภา) และราชบุตร (เครือ)

         คราวนี้ มาดูกันว่าใครเป็นใครครับ

         อุปฮาด (จักร) คือหลานของพระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) ส่วนราชวงศ์ (เภา) คือท้าวสุริย (เภา) บุตรของท้าวสุริยวงศ์ (เภา) ชื่อเหมือนกันนะครับ และราชบุตร (เครือ) คือ ท้าวเครือ บุตรของพระขัติยวงษา (เสือ)  

          เรื่องเศร้าเกิดขึ้น คือ อุปฮาด (จักร) เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับเมืองร้อยเอ็ด ท่านถึงแก่กรรมที่บ้านสาลิกา

*******

         คณะอาญาสี่ ชุดที่ ๓ (ปี พ.ศ. ๒๔๒๔)

         ปี พ.ศ. ๒๔๒๔ พระยาขัติยวงษา (ท้าวเสือ) มีใบบอกมายังกรุงเทพฯ ขอให้ราชวงศ์ (เภา) เป็นอุปฮาด (เภา) และขอราชบุตร (เครือ) เป็นราชวงศ์ (เครือ) และขอท้าวอุปชิต น้องชายของพระชัติยวงษา (ท้าวเสือ) เป็นราชบุตร (อุปชิต) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตามที่ขอมา

         ปีที่แสนเศร้ามาถึงเร็ว ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ เมืองร้อยเอ็ดสูญเสียคณะปกครองอาญาสี่ รวม ๓ ท่าน คือ เจ้าเมือง ราชวงศ์ และราชบุตร ต่างถึงแก่กรรมในปีเดียวกัน

พระขัติยวงษา (ท้าวเสือ) ราชวงศ์ (เครือ) และราชบุตร (อุปชิต) ต่างถึงแก่กรรม เหลืออยู่แต่อุปฮาด (เภา) ที่รักษาราชการเมืองร้อยเอ็ดต่อนะครับ

         ในเรื่องของตำแหน่งคณะอาญาสี่นั้น ยังมีตำแหน่งรองที่เรียกว่า ผู้ช่วยอาญาสี่ อีกสี่ตำแหน่ง ได้แก่ ท้าวสุริยะหรือท้าวขัติยะ ท้าวสุริโย ท้าวโพธิสาร และท้าวสุทธิสาร ซึ่งมักเป็นลูกหลานของคณะอาญาสี่ หน้าที่ต่างๆ ของคณะอาญาสี่และผู้ช่วยอาญาสี่ จะเล่าให้ฟังภายหน้านะครับ

         ครับ เรายังเหลือพระขัติยวงษา (ท้าวเภา) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดท่านที่ ๗ ก่อนจะมีการปฏิรูปการปกครองในภาคอีสานนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

********

แหล่งข้อมูลประกอบการเล่าเรื่อง

เติม วิภาคย์พจนกิจ.  (๒๕๓๐). ประวัติศาสตร์อีสาน ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒.  กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

พันคำทอง สุวรรณธาดา.  (๒๕๖๓).  ครรลองไทอีสาน-ล้านช้าง.  มหาสารคาม : หยกศึกษาภัณฑ์และการพิมพ์.

สุวิทย์ ธีรศาศวัต.  (๒๕๕๗).  ประวัติศาสตร์อีสาน พ.ศ. ๒๓๒๒-๒๔๘๘ เล่ม ๑.  ขอนแก่น : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French

  มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) เป็นพระอัครมเหสีน้อยของสมเด็จพ...