Chalermkiat Mina

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 03, 2566

มินามีเรื่องเล่า มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกันที่พัทลุง พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนที่ ๓

 


มินามีเรื่องเล่า มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกันที่พัทลุง พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนที่ ๓

พระยาพัทลุง (ขุน หรือ ขุนคางเหล็ก) เกิดปี พ.ศ. ๒๒๗๗ ในกรุงศรีอยุธยา ท่านป็นบุตรชายของพระยาราชบังสัน (ตะตา) เจ้าเมืองพัทลุงคนที่ ๗ 

พระยาราชบังสัน (ตะตา) เป็นบุตรชายของพระยาจักรีเจ้าเมืองพัทลุง (ฮุสเซน) เจ้าเมืองพัทลุง คนที่ ๓

พระยาจักรี (ฮุซเซน) เป็นบุตรชายคนกลางของสุลต่านสุลัยมาน

ดังนั้น พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) จึงเป็นเหลนของสุลต่านสุลัยมาน (ชาห์)

พระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) เกิดและเติบโตในกรุงศรีอยุธยา พูดภาษาปักษ์ใต้ไม่เป็น เมื่ออายุ ๑๔ ปี ท่านเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก เด็กชาในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

ในสมัยนั้นมีมหาดเล็กที่มีชื่อเสียงอยู่ในประวัติศาสตร์ ๓ คน คือ นายทองด้วง (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) นายสิน (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) นายบุนนาค (เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา ต้นตระกูลบุนนาค) ซึ่งสนิทสนมกัน แต่ความจริงยังมี นายขุน ด้วยอีกคน นะครับ

นายสินกับนายขุนเป็นมหาดเล็กอยู่วังหลวงในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศด้วยกัน ทั้งยังมีนิสัยค่อนข้างไปทางนักเลงและชอบตีไก่เหมือนกัน

แต่นายทองด้วงกับนายบุนนาค เป็นมหาดเล็กวังหน้า ในเจ้าฟ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิต ทั้งคู่มีนิสัยเหมือนกัน คือ เป็นคนมีความสุขุมรอบคอบ

สรุปคือ มีมหาดเล็กเพื่อนกัน ๔ เกลอ นะครับ คือมหาดเล็กสิน มหาดเล็กขุน มหาดเล็กทองด้วง และมหาดเล็กบุนนาค ทั้งสี่คนจะมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย นะครับ

ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก นายขุนได้เป็น หลวงสิทธินายเวร ครั้นกรุงศรีอยุธยาแตกได้อพยพลงมาอยู่แถบวัดหนังบางขุนเทียน กรุงธนบุรี และได้สมรสกับ ท่านแป้น ธิดาของขุนนางรามัญที่อยู่แถบคลองมอญ

ท่านแป้นมีพี่ชายคนโตชื่อ มะโดด หรือ มะซวน ในสมัยต้นกรุงธนบุรีได้เป็น พระยานครอินทร์ และยังมีพี่สาวชื่อ ทองคำ ได้เป็น ท้าวทรงกันดาล

ท่านแป้นจึงมีพี่ชายพี่สาวเป็นข้าราชการทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน ซึ่งได้ชักนำให้หลวงสิทธินายเวร (ขุน) เข้ารับราชการกับสหายเก่าครั้งยังเป็นมหาดเล็กด้วยกัน และตามเสด็จลงไปปราบก๊กเจ้าพระยานครในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ขณะนั้นท่านมีอายุ ๓๕ ปี หลังจากปราบก๊กเจ้าพระยานครแล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดเกล้าฯให้นายขุน ผู้เป็นสหายเก่า เป็น พระยาภักดีนุชิตสิทธิสงคราม ช่วยว่าการเมืองนครศรีธรรมราช

ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๕ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดฯ ให้พระยาภักดีนุชิต สิทธิสงคราม (ขุน) ไปเป็นเจ้าเมืองพัทลุง ในราชทินนาม พระยาแก้วโกรพพิชัย ศรีพิริยะพาหะ (ขุน) เช่นเดียวกับบิดา คือ พระยาราชบังสัน (ตะตา) ซึ่งมีราชทินนามว่า พระยาแก้วโกรพพิชัยฯ เช่นกัน ทว่ามีคำสร้อยต่างกัน

 ในปี พ.ศ. ๒๓๑๕  พระยาพัทลุง (ขุน หรือ ขุนคางเหล็ก) ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ

 พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ท่านรับราชการอยู่ ๑๗ ปี ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๒ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก สิริอายุได้ ๕๕ ปี นะครับ


มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกันที่พัทลุง พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนที่ ๒

 


มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกันที่พัทลุง พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนที่ ๒

สวัสดีครับ วันนี้เรามาฟังเรื่องราวของพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ต่อนะครับ

พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ได้เป็นเจ้าเมืองพัทลุงเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๕ ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นะครับ

เมื่อมาเป็นเจ้าเมืองพัทลุงแล้ว ท่านได้ตั้งเมืองอยู่ที่ตำบลลำปำ ใกล้ทะเลสาบสงขลา

พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) เดิมนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาท่านได้เปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนา จึงเป็นเหตุให้วงศาคณาญาติของท่านมีทั้งนับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลามมาจนทุกวันนี้ นะครับ

พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๒ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

 พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) มีภรรยา คือ ท่านแป้น นะครับ

ท่านแป้นเป็นน้องร่วมท้องกับท้าวทรงกันดาล (ทองมอญ) ผู้สืบสายสกุลมอญมาจากพระยาเกียรติและพระยารามในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ท้าวทรงกันดาล (ทองมอญ) เป็นมารดาของหม่อมทับ ซึ่งหม่อมทับเป็นสามีท่านผ่อง

 หม่อมทับและท่านผ่องมีธิดาชื่อทรัพย์ ต่อมาได้เป็นเจ้าจอมมารดาทรัพย์ ในรัชกาลที่ ๓ นะครับ

 ย้อนมาที่ พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) กับท่านแป้น นะครับ ทั้งคู่มีบุตรธิดาสืบตระกูลดังนี้ รวม ๕ ท่านครับ ได้แก่

๑. พระยาพัทลุง (ทองขาว)

๒. ท่านนาง ต่อมาเป็นภรรยานายนุ่น หลานเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์)

๓. เจ้าจอมมารดากลิ่น ได้เป็นเจ้าจอมมารดาพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

๔. พระทิพกำแหงสงครามปลัด (กล่อม)

๕. เจ้าจอมฉิม ได้ถวายตัวเป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ไม่มีพระองค์เจ้า แต่หนังสือ ประวัติศาสตร์เมืองพัทลุง แต่งโดยถนอม พูนวงศ์ ระบุว่า เจ้าจอมมารดาฉิมในรัชกาลที่ ๑ มีพระราชธิดาคือ พระองค์เจ้าหญิงสุด นะครับ

นอกจากนี้ พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ยังมีบุตรธิดากับภรรยาอื่น ๆ ดังนี้ ครับ

๑. นางบุญศรี ได้ถวายตัวอยู่ในพระราชวังหลังกับคุณฉิม

๒. นางบุญไทย ได้ถวายตัวอยู่ในพระราชวังหลังกับคุณฉิม

๓. นายด่อน

๔. นายชู

๕. พระปราณบุรี (จุ้ย) ไม่ทราบนามบุตรสืบสกุล

๖. นางทองมี

ในบรรดาบุตรธิดาของพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) มีสองท่านที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ท่านทองขาว ซึ่งต่อมาได้เป็นพระยาพัทลุง (ทองขาว) สมรสกับท่านปล้อง บุตรีของพระยาราชวังสัน (หวัง)

อีกท่านหนึ่งคือ ท่านกลิ่น ซึ่งต่อมาได้เป็นเจ้าจอมมารดากลิ่น ในรัชกาลที่ ๑ และเป็นพระชนนีของพระองค์เจ้าสุทัศน์ นะครับ


มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกัน ตอนตำนานท่านฟารีซี เจ้าเมืองท่านแรกของเขาเมืองชัยบุรี

 



มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกัน ตอนตำนานท่านฟารีซี เจ้าเมืองท่านแรกของเขาเมืองชัยบุรี  

สวัสดีครับ มินามีเรื่องเล่าวันนี้จะขอเล่าเรื่องของท่านฟารีซี เจ้าเมืองพัทลุงที่เขาเมืองชัยบุรีต่อนะครับ แต่เป็นตำนานพื้นบ้าน

ท่านฟารีซี เป็นที่รู้จักกันในนามท่านมะระโหม หรือท่านทวดโหม หรือท่านตาเพชร หรือพ่อขุนตาเพชร นะครับ         

คำว่า มะระโหม หรือคำย่อว่า โหม แปลว่า ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนะครับ

ตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับท่านมะระโหมที่เล่ากันไว้มีดังต่อไปนี้ครับ

ท่านมะระโหมเป็นชาวเมืองตรังกานู ท่านได้ออกเดินทางจากบ้านและเที่ยวพเนจรเรื่อยมาจนถึงเมืองละงู ปัจจุบันเมืองละงูอยู่ในจังหวัดสตูล นะครับ

ท่านมะระโหมได้ข่าวมาว่าที่เมืองละงูแห่งนี้มีผู้รู้ทางวิชาอาคมแก่กล้า เป็นที่เกรงขามแก่ชาวบ้านทั่วไป มีชื่อว่า “ท่านโต๊ะงู”

ท่านมะระโหมจึงให้ชาวบ้านช่วยพาไปหาท่านโต๊ะงูท่านนั้น แต่ชาวบ้านต่างเกรงกลัวท่านโต๊ะงู ไม่กล้าพาไป ได้แต่ชี้บ้านให้เห็นเท่านั้น

เมื่อท่านมะระโหมเข้าไปหาท่านโต๊ะงู ท่านโต๊ะงูไม่ถูกชะตา คิดจะฆ่าท่านมะระโหม แต่ท่านมะระโหมได้ขอผลัดไปเป็นวันรุ่งขึ้น

ทำไมต้องผลัดวันไปเป็นวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้ท่านโต๊ะงูได้ประกาศให้ชาวบ้านทราบเรื่อง จะได้มาคอยชมการฆ่าในครั้งนี้

พอถึงตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านต่างพากันมาที่บ้านของท่านโต๊ะงูเพื่อดูเหตุการณ์ที่น่ากลัวนี้

ท่านโต๊ะงูพยายามฆ่าท่านมะระโหมโดยกระโดดเข้าไปแทงท่านมะระโหมถึง ๓ ครั้ง แต่ไม่สามารถแทงถึงตัวท่านมะระโหมได้

ในที่สุดท่านโต๊ะงูยอมแพ้ และขอสมัครเป็นศิษย์ของท่านมะระโหม

เรื่องราวของท่านมะระโหมยังเกี่ยวข้องกับกรุงสุโขทัยอีกด้วยนะครับ

ต่อมากรุงสุโขทัยได้ประกาศหาคนดีมีฝีมือไปช่วยราชการศึก ท่านมะระโหมได้เดินทางไปกรุงสุโขทัยเพื่ออาสาปราบศึก

เหตุการณ์สำคัญคือ ท่านมะระโหมสามารถตัดศีรษะแม่ทัพข้าศึกได้ ท่านมีความดีความชอบมาก และได้รับราชการอยู่ที่กรุงสุโขทัย

แต่คำกล่าวที่ว่า จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ยังคงดำรงอยู่เสมอ นะครับ

พวกขุนนางในเมืองสุโขทัยต่างพากันอิจฉาและกลัวว่าท่านมะระโหมจะเป็นกบฏ จึงคิดจะกำจัดท่าน

แน่นอน ท่านมะระโหมทราบเรื่องก่อน จึงหนีกลับเมืองพัทลุง

ท่านเดินทางกลับเมืองพัทลุงอย่างไรครับ

ตำนานเล่าว่า ท่านมะระโหมนั่งมาในกระทะใบบัวขนาดใหญ่ ท่านใช้ไม้ไผ่เป็นไม้ถ่อ ท่านมะระโหมถ่อกระทะใบบัวมาจนถึงคลองชะรัด ท่านได้ปักไม้ถ่อโดยเอาปลายลงไว้ริมคลองชะรัด ต่อมาไม้ถ่อได้งอเป็นกอไผ่ และยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้

ต่อมาท่านมะระโหมได้เสียชีวิตที่ชะรัด มีการปลูกศาลาคร่อมศพของท่านไว้ ชาวบ้านเรียกว่า “ศพทวดโหม” ณ สุสานสุลต่านฟารีซี ปัจจุบันคือมัสยิดบ้านชะรัดเหนือ นะครับ

นี้คือตำนานมุขปาฐะที่เล่าต่อกันมาของท่านมะระโหมนะครับ


มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกัน ตอน จากสุลต่านโมกอลถึงเจ้าเมืองที่เขาเมืองชัยบุรี


 

มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกัน ตอน จากสุลต่านโมกอลถึงเจ้าเมืองที่เขาเมืองชัยบุรี

 เรียงลำดับเครือญาติสายท่านสุลต่านโมกอล หรือโมกุลนะครับ ขออนุญาตเล่าสายสัมพันธ์นะครับ

สุลต่านโมกอล มาจากเมืองสาเล่ห์ ตอนกลางของชวา มาตั้งบ้านเมืองที่หัวเขาแดง ปัจจุบันอยู่ที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นะครับ แต่ผมจะขอเรียกชื่อเป็นเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง นะครับ เนื่องจากในอดีตนั้นเมืองพัทลุงตั้งอยู่ที่บริเวณนี้ฃ

สุลต่านโมกอลมีบุตรชาย ๒ คน คือ สุลต่านสุลัยมาน และท่านฟารีซี หรือเฟรีซี และบุตรี คือ ท่านฟาติมะห์

เมื่อสุลต่านโมกอลถึงแก่อสัญกรรม ท่านสุลัยมาน นามเดิมคือ ชาห์ ได้ปกครองเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง และท่านฟารีซีได้มาปกครองเมืองชัยบุรี ที่เขาเมืองพัทลุงนะครับ

ท่านสุลต่านสุลัยมานมีบุตรชาย ๓ คน คือท่านมุสตาฟา ท่านฮัสซัน และท่านฮุสเซน

ต่อมาเมื่อท่านสุลต่านสุลัยมาน (ชาห์) ถึงแก่อสัญกรรม ท่านมุสตาฟาปกครองเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดงต่อจากบิดา

ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงส่งกองทัพมาปราบเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สุลต่านมุสตาฟาไปครองเมืองไชยา ส่วนน้องชายของท่าน คือท่านฮัสซัน และท่านฮุสเซน รวมทั้งบุตรชายของสุลต่านมุสตาฟา คือท่านเตาฟิค มีพระบรมราชโองการให้ไปรับราชการอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา

ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเพทราชา ท่านฮัสซัน ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นปลัดเมืองไชยา และต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาจักรี (ฮุสเซน) เจ้าเมืองพัทลุงท่านที่ ๔ ที่เขาเมืองชัยบุรี

พระยาจักรี (ฮุสเซน) มีบุตรชาย ๓ ท่าน คือ หลวงศรีประดุกา หลวงทิพเทวา และพระยาราชบังสัน (ตะตา) ต่อมาในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระยาราชบังสัน (ตะตา) ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาพัทลุง (ตะตา) เจ้าเมืองพัทลุงคนที่ ๘ ที่เขาเมืองชัยบุรี นะครับ

หลวงทิพเทวามีบุตรชาย ชื่อ แขก ต่อมาดำรงตำแหน่งพระภักดีเสนา (แขก) ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าเมืองตะกั่วป่า ก่อนจะได้รับโปรดเกล้าฯ ให้มาเป็นเจ้าเมืองพัทลุงคนที่ ๙ ที่เขาเมืองชัยบุรี

พระภักดีเสนา (แขก) เป็นเจ้าเมืองพัทลุงที่เขาเมืองชัยบุรีท่านสุดท้าย ก่อนที่จะมีการย้ายที่ทำการเมืองไปตั้งอยู่ที่บริเวณลำปำ นะครับ


โปรดติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับเขาเมืองชัยบุรีต่อนะครับ

มินามีเรื่องเล่า เขาเมืองชัยบุรี พัทลุง และเจ้าเมืองทั้ง ๙ ท่าน

 


มินามีเรื่องเล่า เขาเมืองชัยบุรี พัทลุง และเจ้าเมืองทั้ง ๙ ท่าน

เมืองพัทลุงตั้งอยู่บนที่ราบใกล้ชายฝั่งมีเขาหินปูนลูกโดดตั้งแต่เขาชัยสนซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง ส่วนบริเวณตอนเหนือของเมือง ในเขตอำเภอเมือง มีเขาคูหาสวรรค์หรือที่เรียกว่าเขาหัวแตก มีเขาอกทะลุ และเขาชัยบุรีหรือที่เรียกว่าเขาเมืองชัยบุรี



เขาเมืองชัยบุรีสำคัญอย่างไร

เขาเมืองชัยบุรีเป็นแนวป้องกันทางธรรมชาติที่เหมาะสมในการป้องกันข้าศึก

ข้าศึกเป็นใครครับ

ต้องย้อนไปยังสมัยที่เมืองพัทลุงอยู่ที่หัวเขาแดง (หรือจะเรียกว่าเมืองสงขลาที่หัวเขาแดง ก็ได้นะครับ) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ เรียกว่าตั้งอยู่ทางปละท่าตะวันออก (คำว่าปละท่า แปลว่า ด้าน) เมืองหัวเขาแดงนี้อยู่ติดทะเล มักจะมีโจรสลัดหรือที่เรียกว่าแขกสลัดยกมาทางเรือ เข้ามาโจมตีเมืองอยู่เสมอ

ทางฝ่ายปละท่าตะวันตก คือทางเมืองพัทลุงในปัจจุบัน มีพวกแขกทางใต้ลงไปมีเมืองไทรบุรีเป็นต้น มักจะเป็นโจรมาปล้นชิงเมืองอยู่เสมอ ๆ  ดังนั้นการสร้างเมืองป้อมปราการที่เขาเมืองหรือเขาชัยบุรีจะช่วยป้องกันข้าศึกหรือโจรสลัดได้ 

ขอเล่าเรื่องเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง ในสมัยของดาโต๊ะ โมกอล ท่านได้อพยพมาจากเมืองสาเลห์ ตอนกลางของชวามาตั้งเมืองอยู่ที่หัวเขาแดง

ท่านดาโต๊ะ โมกอลมีบุตรชายคนโต คือสุลต่านสุลัยมาน (ซาห์) และบุตรชายคนรอง คือฟารีซี และมีบุตรสาวชื่อฟาติมะห์

ต่อมาสุลต่านสุลัยมาน (ซาห์) ได้ครองเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดงต่อจากสุลต่านโมกอลผู้เป็นบิดา

ในยุคที่สุลต่านสุลัยมานปกครองเมืองพัทลุง ท่านได้แข็งข้อไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  

ในช่วงเวลานั้นสุลต่านสุลัยมาน (ชาห์) มีเมืองที่มีป้อมปราการป้องกันเมือง ๒ เมือง ได้แก่ เมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง และที่เมืองชัยบุรี

ที่หัวเขาแดง ซี่งตั้งอยู่ตรงปากน้ำก่อนจะเข้าตัวเมืองสงขลาในปัจจุบัน มีป้อมปราการที่แข็งแรงไว้ป้องกันการรุกรานทางทะเลและทางบกของข้าศึก และอีกเมืองหนึ่งคือเมืองชัยบุรี

ในส่วนของเมืองชัยบุรีนั้น ท่านสุลต่านสุลัยมานได้อาศัยเขาชัยบุรีเป็นป้อมปราการในตัวเองโดยต่อกำแพงเมืองสร้างป้อมทับเข้าไปเป็นแหล่งที่ต่อสู้ป้องกันข้าศึกศัตรูได้ดีมาก โดยสุลต่านสุลัยมาน (ชาห์) ได้มอบหมายให้น้องชายของท่าน คือท่านฟารีซีไปเป็นเจ้าเมืองพัทลุงที่เมืองชัยบุรี ซึ่งตั้งอยู่ที่เขาชัยบุรี หรือที่รู้จักกันในนามเขาเมือง นะครับ

ท่านฟารีซี จึงเป็นเจ้าเมืองคนแรกของเมืองพัทลุงที่เขาเมืองชัยบุรี นะครับ

เขาชัยบุรีเป็นเขาที่อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลไม่มาก สภาพแวดล้อมของบริเวณนั้นมีภูเขาโอบล้อมหลายด้าน บริเวณเขาชัยบุรีจึงเป็นที่หลบภัยจากการรุกรานของพวกโจรสลัดได้เป็นอย่างดี

ต่อมามีการย้ายเมืองพัทลุงจากเขาชัยบุรีมาอยู่ที่ลำปำ ชุมชนเมืองพัทลุงในระยะต่อมาจึงอยู่บริเวณปากคลองลำปำไปจนถึงเขาอกทะลุและเขาคูหาสวรรค์ นะครับ     



เจ้าเมืองพัทลุง ๙ ท่าน ที่เขาเมืองชัยบุรี

ผมขออนุญาตเขียนชื่อเมืองว่า ชัยบุรี นะครับ บางทีท่านอาจจะเห็นว่าเขียนว่า ไชยบุรี นะครับ

เจ้าเมืองชัยบุรีตามหลักฐานในพงศาวดารเมืองพัทลุงนั้น มีทั้งหมด ๙ ท่านครับ ได้แก่

๑. ท่านฟารีซี หรือเฟรีซี

ท่านเป็นน้องชายของท่านสุลต่านสุลัยมาน เจ้าเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง นะครับ
 
๒. พระยาวิชิตณรงค์
 
๓. หลวงศรีสาคร

๔. พระยาจักรี (ฮุสเซน) บุตรชายสุลต่านสุลัยมาน

พระยาจักรี หรือพระยาราชบังสัน (ฮุสเซน) ปกครองเมืองพัทลุงที่เมืองชัยบุรี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๒๓๐-๒๒๔๒ ครับ       

๕. ออกหลวงเพชรกำแหงสงคราม

๖. ออกหลวงไชยราชาสงคราม

๗. พระยาแก้วโกรพพิชัยเชษฐ

๘. พระยาราชบังสัน (ตะตา) บุตรชายพระยาจักรี (ฮุสเซน)  

ท่านตะตาเป็นบิดาพระยาพัทลุงขุนคางเหล็ก

๙. พระภักดีเสนา (แขก)

ในบรรดาเจ้าเมืองทั้ง ๙ ท่านนี้ ท่านที่มีความสำคัญที่ผมจะเล่าเรื่องต่อได้อีกหลายตอน ได้แก่ ท่านฟารีซี เจ้าเมืองท่านที่ ๑ ท่านพระยาจักรี (ฮุสเซน) เจ้าเมืองท่านที่ ๔ พระยาราชบังสัน (ตะตา) เจ้าเมืองท่านที่ ๘ และพระภักดีเสนา เจ้าเมืองท่านที่ ๙ ครับ

โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ


วันพุธ, สิงหาคม 02, 2566

มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกัน พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนที่ ๑


 

มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกัน พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนที่ ๑

 สวัสดีครับ วันนี้ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ผมได้มีโอกาสมีกราบไหว้บูชาอนุสาวรีย์พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) อีกครั้งหนึ่ง

 อนุสาวรีย์พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) สร้างโดย มูลนิธิพระยาพัทลุงขุนคางเหล็ก-สุลต่านสุลัยมาน นะครับ

 ขออนุญาตเล่าก่อนว่า เรื่องการเรียกสร้อยนามของท่านนั้น ส่วนมากจะเรียกท่านว่า พระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) แต่ผมขอใช้ว่าพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) นะครับ เรื่องราวของท่านมีความเป็นมาอย่างไร ขอนำเสนอเป็นตอน ๆ ไปนะครับ

 สายตระกูลของพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก)

 ก่อนที่จะอ่านเรื่องสายตระกูลของพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) นี้ กรุณาตั้งใจนะครับ เพราะเวลาผมเล่าเรื่องสายตระกูล ณ พัทลุง นี้ พรรคพวกเดินหนีไปหลายท่านแล้ว

 ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจง่ายๆ นะครับ

สุลต่านโมกอล มาจากเมืองสาเลห์ ภาคกลางของชวา มาตั้งเมืองที่หัวเขาแดง เราอาจเรียกชื่อว่าเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง หรือเมืองสงขลาที่หัวเขาแดง ผมจะขอเรียกชื่อว่า เมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง นะครับ

 สุลต่านโมกอล มีบุตรชายสองคน คือ ท่านสุลัยมาน (ชาห์) และท่านฟารีซี และมีบุตรสาว คือท่านฟาติมะห์

 ท่านสุลัยมาน (ชาห์) ปกครองเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง ต่อจากบิดาคือสุลต่านโมกอล สุลต่านสุลัยมาน (ชาห์) มีบุตรชายสามคน คือ ท่านมุสตาฟา ท่านอุสเซน และท่านฮัสซัน

 ท่านฟารีซี มาเป็นเจ้าเมืองคนแรกที่เขาเมืองชัยบุรี (ในจังหวัดพัทลุงปัจจุบัน) เมืองพัทลุงที่เขาเมืองชัยบุรี มีเจ้าเมืองปกครองเมือง ๙ ท่าน นะครับ

 ท่านมุสตาฟา ปกครองเมืองสงขลา ณ หัวเขาแดง ต่อจากบิดา คือสุลต่านสุลัยมาน (ชาห์)

สุลต่านมุสตาฟา มีบุตรชายชื่อ เตาฟิค ต่อมาได้เป็นพระยาไชยา (เตาฟิค)

ในช่วงเวลานั้น สมเด็จพระนารายณ์มหาราชส่งกองทัพมาปราบเมืองพัทลุงที่หัวเขาแดง

ท่านสุลต่านมุสตาฟา ได้รับพระบรมราชโองการฯ แต่งตั้งให้เป็นพระยาไชยา ย้ายไปอยู่เมืองไชยา

ท่านฮุสเซนและท่านฮัสซัน และท่านเตาฟิค ได้ไปอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา

ต่อมาท่านเตาฟิคได้มาเป็นเจ้าเมืองไชยาต่อจากบิดา คือท่านมุสตาฟา

ท่านฮุสเซน ได้เป็นพระยาจักรี (ฮุสเซน) และต่อมาได้เป็นพระยาพัทลุง (ฮุสเซน) เจ้าเมืองพัทลุงคนที่ ๔ ที่เขาเมืองชัยบุรี

ท่านอุสเซนมีบุตรีชาย ชื่อ ตะตา ต่อมาเป็นพระยาราชบังสัน (ตะตา) และได้เป็นพระยาพัทลุง (ตะตา) เจ้าเมืองพัทลุงคนที่ ๘ ที่เขาเมืองชัยบุรี

พระยาพัทลุง (ตะตา) มีบุตรชายชื่อ ขุน ซึ่งต่อมาเป็นพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก)

 สรุปว่า วันนี้ ลองไล่สายตระกูล ณ พัทลุง ฉบับสั้น ๆ ก่อนนะครับ ขอทบทวนนะครับ สุลต่านโมกอล สุลต่านสุลัยมาน (ชาห์) สุลต่านมุสตาฟา ท่านฮุสเซน ท่านฮัสซัน ท่านตะตา ท่านขุน

 เรื่องราวยังมีอีกมาก ขออนุญาตเล่าไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวันนะครับ โปรดติดตามอย่างตามติด





วันอังคาร, สิงหาคม 01, 2566

มินามีเรื่องเล่า เที่ยววังเจ้าเมืองพัทลุง


 

มินามีเรื่องเล่า เที่ยววังเจ้าเมืองพัทลุง ยามฝนพรำและวังปิดทำการเนื่องจากเป็นวันหยุด


สวัสดีครับ วันนี้จะขออนุญาตพาท่านเที่ยวชมวังเจ้าเมืองพัทลุง นะครับ
วังเจ้าเมืองพัทลุง ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวัง เดิมเป็นที่ว่าราชการและเป็นที่พักอาศัยของเจ้าเมืองพัทลุง ในปัจจุบันทายาทของเจ้าเมืองมอบให้เป็นสมบัติของชาติ ทั้งวังเก่าและวังใหม่

วังเก่า สร้างขึ้นในสมัยพระยาพัทลุง (น้อย จันทโรจวงศ์) เป็นผู้ว่าราชการเมืองพัทลุง ต่อมาวังได้ตกทอดมาจนถึงนางประไพ มุตามะระ บุตรีของหลวงศรีวรฉัตร


วังใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๒ โดยพระยาอภัยบริรักษ์จักราวิชิตพิพิธภักดี (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของพระยาพัทลุง ปัจจุบันทายาทตระกูลจันทโรจวงศ์ ได้มอบวังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติ

กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน วังเก่า เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ และวังใหม่ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖

วังเจ้าเมืองพัทลุงเปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ นะครับ

ข้อมูลประกอบการเล่าเรื่อง
ถนอม พูนวงศ์. (๒๕๕๙) ประวัติศาสตร์เมืองพัทลุง. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.



มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French

  มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) เป็นพระอัครมเหสีน้อยของสมเด็จพ...