Chalermkiat Mina

วันอาทิตย์, กันยายน 24, 2566

มินามีเรื่องเล่า การล่มสลายของเมืองศรีเทพราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘

 


มินามีเรื่องเล่า การล่มสลายของเมืองศรีเทพราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘

สวัสดีครับ ช่วงนี้หลายท่านคงได้มีโอกาสเดินทางไปชื่นชมเมืองมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย คือเมืองศรีเทพแล้วนะครับ อีกหลายท่านกำลังวางแผนการไปเที่ยวชมและร่วมภาคภูมิใจกับเมืองศรีเทพกันนะครับ

วันนี้ขอเล่าเรื่องการล่มสลายของเมืองศรีเทพในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ นะครับ ลองติดตามดูกันครับ

เมืองศรีเทพได้พัฒนาตนเองตั้งแต่เป็นชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายจนเจริญรุ่งเรืองเป็นชุมชนเมืองที่ได้ร้บวัฒนธรรมทวารวดีในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๖ นะครัย ต่อมาได้รับวัฒนธรรมเขมรในพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ รวมแล้วเมืองศรีเทพเจริญรุ่งเรืองในฐานุชุมชนเมืองหรือเมืองศูนย์กลางความเจริญไม่ต่ำกว่า ๗๐๐ ปี นะครับ

เหตุใดเมืองจึงล่มสลาย หรือเหตุใดผู้คนจึงละทิ้งเมืองนี้ให้ร้างไป

เราไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดนะครับ นักวิชาการส่วนใหญ่มุ่งเน้นประเด็นเรื่องการเกิดโรคระบาดนะครับ หลายท่านอธิบายว่า เมืองศรีเทพเป็นเมืองที่มีสระน้ำและหนองน้ำมาก เป็นแหล่งน้ำนิ่งเหมาะสำหรับให้ยุงวางไข่ อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงอย่างดี อย่างที่เราทราบกันดีนะครับว่า โรคระบาดในเขตพื้นที่แถบบ้านเรา คือ โรคอหิวาต์และโรคมาลาเรีย ในอดีตเป็นที่รู้กันดีว่าแถบเมืองเพชรบูรณ์มีไข้ป่าชุกชุมมาก ถึงกับมีคำกล่าวที่ว่า “เพชรบูรณ์หม้อใหม่” หมายความว่า ใครมาจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วต้องซื้อหม้อใหม่ติดตัวมาด้วย เพื่ออะไรหรือครับ ก็เพื่อใส่กระดูกกลับ ในสมัยก่อนพวกข้าราชการจากกรุงเทพฯ ต่างกลัวไข้ป่าและไม่ค่อยยินดีที่จะมารับราชการที่เมืองเพชรบูรณ์ และเรื่องกลัวไข้ป่านี้เองที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยต้องเสด็จฯ มาเมืองเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการจากกรุงเทพฯ เห็นว่าแม้แต่พระองค์ซึ่งเป็นเจ้าฟ้ายังเสด็จมาที่เมืองเพชรบูรณ์และกลับไปอย่างปลอดภัย ทำให้พระองค์ท่านได้มีโอกาสสืบหาเมืองศรีเทพจนพบนะครับ สรุปว่า นักวิชาการสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากโรคระบาด โดยเฉพาะโรคมาลาเรีย นะครับ



แต่กีมีนิทานพื้นบ้านที่ผูกเรื่องการล่มสลายของเมืองศรีเทพนะครับ

นิทานเรื่องนี้มีตัวละครคือ ฤาษีตาไฟ ลูกชายเจ้าเมือง ฤาษีตาวัว รวมทั้งเจ้าเมืองนะครับ

เรื่องมีอยู่ว่า ที่บนเขาใกล้เมืองศรีเทพ มีฤาษี ๒ ตนสร้างกุฏิอยู่ใกล้ ๆ กัน คนหนึ่งชื่อฤาษีตาไฟ อีกตนหนึ่งชื่อฤาษีตาวัว ท่านฤาษีตาไฟมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นลูกชายเจ้าเมือง

วันหนึ่งฤาษีตาไฟบอกกับศิษย์รักคือลูกชายเจ้าเมือง  “ฟังนะ ตรงบริเวณด้านนั้น มีบ่อน้ำอยู่ใกล้กันสองบ่อ น้ำในบ่อหนึ่งนั้นใครลงไปอาบก็จะตาย แต่น้ำจากอีกบ่อหนึ่ง ใครนำมารดร่างจะฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่”

ลูกชายเจ้าเมืองทำท่าทางไม่เชื่อ “ไม่น่าเป็นไปได้นะครับพระอาจารย์ น้ำอะไรจะทำให้คนตายได้ และน้ำอีกบ่อหนึ่งทำให้คนฟื้นคืนชีพได้”

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ อาจารย์จะทดสอบให้ดู อาตมาจะลงไปอาบในบ่อแรก แต่เจ้าต้องสัญญานะว่าจะนำน้ำจากบ่อที่สองมารดร่างอาจารย์ จะได้ฟื้นคืนชีพกลับมา” ฤาษีตาไฟกล่าวกับศิษย์รัก

“ได้ครับ ผมขอดูเป็นขวัญตา และจะรีบตักน้ำในบ่อที่สองมารดร่างพระอาจารย์โดยทันทีเลยครับ” ศิษย์ตอบด้วยสายตามุ่งมั่น

ฤาษีตาไฟจึงได้นำน้ำรดร่างตนเอง และเสียชีวิต

แต่ศิษย์รักผู้เป็นลูกชายเจ้าเมืองกลับเมินเฉย ไม่ทำตามสัญญา แต่กลับหนีเข้าไปในเมือง

ฝ่ายฤาษีตาวัว เคยไปมาหาสู่กับฤาษีตาไฟ เห็นผิดสังเกต ไม่เห็นฤาษีตาไฟมาเยี่ยมเยียนที่กุฏิ ก็ออกไปตามหา เมี่อผ่านบ่อน้ำที่ใครอาบก็ตาย เห็นน้ำในบ่อเดือดก็ทราบว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น มองเห็นร่างฤาษีตาไฟนอนเสียชีวิตในบ่อน้ำ จึงไปเอาน้ำจากอีกบ่อหนึ่งมารดซากศพฤาษีตาไฟจนฟื้นคืนชีพขึ้นมา

“ท่านฤาษีตาไฟ เกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านมานอนเสียชีวิตในบ่อน้ำอันตรายแห่งนี้” ฤาษีตาวัวถามอย่างสงสัย

 “ก็ไอ้เจ้าศิษย์ทรยศของข้าพเจ้านะซิ ข้าพเจ้าบอกเขาเรื่องบ่อน้ำผลาญชีพและบ่อน้ำชุบชีพ แต่เขาไม่เชื่อ ข้าพเจ้าเลยทดสอบให้เขาดู พร้อมบอกให้เขาคอยนำน้ำชุบชีพมารดร่างของข้าพเจ้า แต่ไม่รู้หายไปไหน เจ้าศิษย์ร้ายคนนี้ คงหนีกลับเมืองแล้ว” ฤาษีตาไฟเล่าเรื่องด้วยอารมณ์โกรธ

“แล้วท่านจะทำอย่างไร” ฤาษีตาวัวถาม

“ข้าพเจ้าจะต้องแก้แค้นลงโทษเจ้าลูกศิษย์ทรยศคนนี้” ฤาษีตาไฟกล่าวด้วยสายตาสุดแค้น

“ท่านจะทำอย่างไร”

“ผมจะเนรมิตวัวตัวหนึ่ง แล้วเอาพิษร้ายบรรจุไว้ในท้องวัวตัวนั้น ให้วัวไปปล่อยพิษร้ายในเมือง” ฤาษีตาไฟกล่าวถึงแผนการแก้แค้นของตน

ในที่สุดฤาษีตาไฟได้เนรมิตวัวขึ้นมาตัวหนึ่ง เอาพิษร้ายบรรจุไว้ในท้องวัว แล้วปล่อยให้วัวนั้นเดินรอบๆ เมืองถึง ๗ วัน พร้อมทั้งทำเสียงกึกก้องตลอดเวลา

ฝ่ายทหารเฝ้าประตูเมืองเห็นผิดสังเกต จึงปิดประตูเมืองเสีย

ครั้นถึงวันที่เจ็ด เจ้าเมืองมีรับสั่งให้เปิดประตูเมือง วัวก็วิ่งปราดเข้าประตูเมืองได้ ขณะเดียวกันท้องวัวก็ระเบิดออกมา ไอพิษร้ายในท้องวัวก็ไหลออกมาทำร้ายคนในเมืองจนตาย นะครับ

ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ไม่ว่าเมืองศรีเทพจะล่มสลายตามข้อสันนิษฐานใดๆ หรือตามนิทานพื้นบ้านเรื่องต่างๆ สิ่งที่เป็นจริง คือ เมืองศรีเทพเป็นอมตะตลอดกาล และผู้คนทั่วโลกรู้จักความสำคัญของเมืองศรีเทพแห่งนี้ในต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๑ แล้วนะครับ

ข้อมูล

กรมศิลปากร.  อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ.  กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด, ๒๕๕๐.    

  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French

  มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) เป็นพระอัครมเหสีน้อยของสมเด็จพ...