มินามีเรื่องเล่า หลวงพ่อพระลับ วัดธาตุ พระอารามหลวง จังหวัดขอนแก่น
วันศุกร์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๖ พระโสภณพัฒนบัณฑิต (สุกันยา อรุโณ), รศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น มอบหมายให้พระคุณเจ้ามอบหลวงพ่อพระลับ แด่รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมด้วยคณาจารย์ (อาจารย์เนินทอง อินทะวง, อาจารย์สีทอง สีเวินไซ, อาจารย์สุวันคำ วงไซยะลาด) และนักศึกษาจากสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งชาติ สปป. ลาว ที่ได้มาช่วยงานการสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยเฉพาะโครงการความร่วมมือในการแกะสลัก ประดับตกแต่งเกวียนแห่พระลับ ซึ่งท่านคณาจารย์และนักศึกษาจะเดินทางกลับ สปป. ลาว ในการนี้ผมและผศ. ดร. หอมหวล บัวระภา ได้รับมงคลหลวงพ่อพระลับด้วย
โอกาสนี้ ผมขออนุญาตเล่าเรื่องพระลับให้ทราบนะครับ
ประวัติหลวงพ่อพระลับ (พระศรีสัตนาคนหุต)
หลวงพ่อพระลับหรือพระศรีสัตนาคนหุต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยสำฤทธิ์ทั้งองค์ และฐานขนาดหน้าตักกว้าง ๑๑ นิ้ว สูง ๒๙ นิ้ว ประทับนั่งขัดสมาธิบนแท่นสัมฤทธิ์รูปสัปคับช้าง (แหย่งช้าง) องค์พระจะเอนไปทางด้านหลังเล็กน้อย
หลวงพ่อพระลับจัดอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปศิลปะลาว สกุลช่างเวียงจันทน์ คล้ายพระพุทธรูปมารวิชัยที่ระเบียง หอพระแก้วกรุงเวียงจันทน์ มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๒-๒๔
ตามประวัติเล่าว่า เมื่อ พ.ศ. ๑๗๙๗ เมืองล้านช้าง (เวียงจันทน์) เป็นอิสระจากการปกครองของขอม พร้อมทั้งเมืองล้านนา กษัตริย์ล้านช้างจึงได้สถาปนาเมืองเวียงจันทน์ขึ้นเป็นเมืองหลวงเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๕๘ ขนานนามว่า กรุงศรีสัตนาคนหุต แปลว่า เมืองมีช้างล้านตัวหรือช้างร้อยนหุต (หนึ่งนหุต เท่ากับ ๑๐,๐๐๐)
เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๑ ขึ้นครองสิริราชสมบัติ พระองค์มีนโยบายที่จะขยายอาณาเขตออกไปทั่วอาณาจักรโคตรบูรณ์และอาณาจักรล้านนา เพื่อหาสมัครพรรคพวกไว้สู้กับขอม การดำเนินนโยบายดังกล่าวนั้น พระองค์เห็นว่า ประชาชนในอาณาจักรลาวนี้นับถือพระพุทธศาสนาลัทธิหินยานเถรวาท พระองค์จึงได้อาศัยพระพุทธศาสนาเป็นสื่อสัมพันธ์ เพื่อให้เมืองต่างๆ อ่อนน้อมและยอมเป็นเมืองขึ้นของพระองค์ พระองค์ได้หล่อพระพุทธรูปสัมฤทธิ์และพระแก้วขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อมอบให้แก่เจ้าเมืองต่างๆ นำไปสักการะบูชา พระพุทธรูปสัมฤทธิ์สัมฤทธิ์นี้ชาวเมืองเรียกว่า “พระพุทธศรีสัตนาคนหุต” หรือ“พระศรีสัตนาคนหุต”
ส่วนพระพุทธรูปที่หล่อด้วยแก้ว ชาวเมืองนิยมเรียกว่า “พระแก้วล้านช้าง”
เหตุที่มีชื่อว่า “พระลับ” ก็เนื่องมาจากครั้งเวียงจันทร์กับกรุงธนบุรีเป็นคู่อริกัน พระเจ้ากรุงธนบุรีมีพระราชบัญชาให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปตีเวียงจันทน์ ทำสงครามอยู่ ๔ เดือน
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้จัดการปกครองเวียงจันทน์ใหม่ เสร็จแล้วได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พระบาง พระสุก พระใส พระเสริม กลับกรุงธนบุรี โดยผ่านมาทางอุดรธานี ขอนแก่นและนครราชสีมา
ขณะนั้นพระวอที่อยู่นครจำปาศักดิ์ทราบข่าว จึงแจ้งมายังท้าวศักดิ์ผู้เป็นหลานให้เก็บพระพุทธศรีสัตนาคนหุตและพระแก้วล้านช้างให้มิดชิดและให้ถือเป็นความลับ ท้าวสักและพระราชครูหลวงได้ปฏิบัติตาม โดยก่อเจดีย์ขึ้นที่วัดใต้ จำนวน ๙ องค์
วัดธาตุ ตามประวัติศาสตร์อยู่ปลายน้ำชี จึงเรียก “วัดใต้” ส่วนวัดหนองแวง เรียกว่า “วัดเหนือ” เพราะอยู่ต้นน้ำชีที่ไหลผ่านบึงบอนไปยังทุ่งสร้าง โดยสร้างให้พระธาตุหรือเจดีย์ มีรูปเหมือนกันเพื่อพรางสายตาผู้คน แล้วนำพระศรีสัตนาคนหุตและพระแก้วล้านช้างมาซ่อนเอาไว้ในเจดีย์องค์เดียวกัน ส่วนเจดีย์องค์อื่นไม่ได้บรรจุอะไรไว้ เพราะการอัญเชิญมาเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิด จึงเป็นที่มาของชื่อ “หลวงพ่อพระลับ”
(หลวงพ่อพระลับ องค์ดำ)
วัดใต้ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดธาตุเพราะได้สร้างเจดีย์พระธาตุนครเดิมขึ้นครอบพื้นที่เก็บหลวงพ่อพระลับเอาไว้
วัดธาตุสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๒ โดยพระนครศรีบริรักษ์บรมราชภักดี (เพียเมืองแพน) เจ้าเมืองคนแรกของขอนแก่น และเป็นวัดสำหรับทำบุญของเจ้าเมืองขอนแก่นในขณะนั้นด้วย
ปัจจุบันวัดธาตุได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชื่อว่า วัดธาตุ พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๓๗ ถนนกลางเมือง (บ้านเมืองเก่า) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
เรื่องการสร้างวัดทั้ง ๔ วัดประจำเมืองขอนแก่น มีเรื่องเล่ากันว่า
ท้าวสัก ตำแหน่ง เพี้ยเมืองแพน อยู่บ้านชีโหล่น เมืองสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ชักชวนครอบครัวได้ประมาณ ๓๓๐ ครอบครัว อพยพมาตั้งบ้านเรือนขึ้นใหม่อีกแห่งหนึ่ง เรียกว่า บ้านบึงบอน
ต่อมา พ.ศ. ๒๓๔๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระบรมราชโองการยกฐานะให้เป็นเมืองขอนแก่น แต่งตั้งท้าวสักให้เป็นเจ้าเมืองขอนแก่นคนแรก มีนามว่า พระนครศรีบริรักษ์ บรมราชภักดี เนื่องจากชนชั้นปกครองเมืองต่างๆ ในภาคอีสานซึ่งมีเชื้อสายเนื่องมาจากนครเวียงจันทน์
เมื่อเพี้ยเมืองแพนหรือพระนครศรีบริรักษ์ บรมราชภักดีได้ตั้งเมืองขอนแก่นขึ้นที่บ้านบึงบอนแล้ว ก็ได้เริ่มสร้างวัดขึ้น ๔ วัด ตามแบบประเพณีโบราณ ดังนี้
๑. วัดเหนือ อยู่ทางต้นน้ำ (แม่น้ำชี) สำหรับเป็นสถานที่ชุมนุมทำบุญของประชาชนทั่วไป ปัจจุบัน คือ วัดหนองแวง พระอารามหลวง
๒. วัดกลาง อยู่กึ่งกลางระหว่างวัดเหนือกับวัดใต้ สำหรับเป็นที่ชุมนุมทำบุญของขุนนางและข้าราชการ ปัจจุบัน คือ วัดกลาง
๓. วัดใต้ อยู่ใกล้ตัวเมือง หรืออยู่ทางใต้ของสายน้ำ สำหรับเป็นที่ทำบุญของพ่อเมือง เป็นที่ประดิษฐานพระลับ ปัจจุบัน คือ วัดธาตุ พระอารามหลวง
๔. วัดท่าแขก สำหรับพระภิกษุอาคันตุกะจากถิ่นอื่น มาพักและประกอบพุทธศาสนพิธี ปัจจุบัน คือ วัดโพธิ์ บ้านโนนทัน
เรื่องยาวนะครับ แต่ได้ความรู้เกี่ยวกับหลวงพ่อพระลับ นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น