มินามีเรื่องเล่า
เขาตะเภาล่มและเขาเจ้ากงจีน ที่เมืองลพบุรี
สวัสดีครับ
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ผมได้มีโอกาสมาเมืองลพบุรี
ขออนุญาตเล่าตำนานสถานที่ต่างๆ พอได้ทราบกันนะครับ
สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับตำนานมีดังนี้ครับ คลองบางขันหมาก เขาจีนแล เขาจีนโจน เขาตะเภา เขาพับผ้า เขาแก้ว เขาขนมบูด
เขาตะเข้ เขาวงพระจันทร์ และเขาตระกร้า
เรื่องราวน่าสนใจมาก
ติดตามดูนะครับ
มีตำนานที่เกี่ยวข้องระหว่างชาวเมืองลพบุรีกับพ่อค้าชาวจีนที่เดินทางเข้ามาติดต่อค้าขาย
และตำนานเหล่านี้เกี่ยวข้องกับชื่อตำบล หมู่บ้าน และชื่อของภูเขาในเขตจังหวัดลพบุรี
โดยเฉพาะตำนานเรื่องเขาตะเภาล่ม และตำนานเรื่องเขาเจ้ากงจีน ซึ่งมีเรื่องราวดังนี้
นานมาแล้วเมืองลพบุรีในขณะนั้นอยู่ใกล้ทะเล
มีลักษณะเป็นเมืองท่าค้าขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งค้าขายกับเมืองจีน
มีเรือสำเภาซึ่งชาวพื้นเมืองเรียกว่า เรือตะเภา นำสินค้ามาค้าขายแลกเปลี่ยนกับสินค้าของชาวพื้นเมืองอยู่เป็นประจำ
มีพ่อค้ามหาเศรษฐีจีนคนหนึ่งซึ่งชาวเมืองลพบุรีเรียกกันว่า เจ้า มีชื่อว่า กงจีน รวมเรียกชื่อว่า “เจ้ากงจีน” บางตำนานเรียกว่า พระเจ้ากรุงจีน
เจ้ากงจีนเป็นคนมีเมียหลายคนจนนับไม่ถ้วน
เมื่อไปค้าขายเมืองใด ได้พบสาวงามถูกใจก็มักจะสู่ขอมาเป็นเมียของตน
โดยทำพิธีแต่งงานมีขบวนขันหมากอย่างใหญ่โต
เมื่อเสร็จพิธีเจ้ากงจีนก็จะนำภรรยากลับไปไว้เมืองจีนทุกราย
เมื่อเศรษฐีผู้นี้ได้นำสินค้ามาขายยังเมืองลพบุรีก็ได้พบสาวงามคนหนึ่ง
นางมีชื่อว่า “นางนงประจันทร์” จึงเกิดรักใคร่
ได้ทำการสู่ขอและกำหนดวันแต่งงานไว้ โดยจะนำขันหมากและสินสอดทองหมั้นมาจากเมืองจีน
พ่อของนางนงประจันทร์ตอบตกลงเพราะเห็นแก่เงิน
แต่นางนงประจันทร์นั้นไม่ยินยอมพร้อมใจเพราะมีคนรักอยู่แล้ว
คนรักของนางนั้นเป็นชายหนุ่มผู้เรืองวิทยาคมที่สามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้
เมื่อขบวนเรือขันหมากจากเมืองจีนแล่นเข้ามาใกล้เมืองลพบุรี
ได้มารวมกลุ่มและแปรขบวนเพื่อแล่นเข้าสู่เมืองลพบุรี ต่อมาสถานที่นั้นกลายเป็นคลอง
ปัจจุบันเรียกว่า คลองบางขันหมาก
ขณะที่เรือใกล้จะถึงฝั่ง
ชายหนุ่มคนรักของนางนงประจันทร์
ได้แปลงกายเป็นจระเข้ตัวใหญ่มหึมาและคอยหาโอกาสที่จะทำลายเรือขันหมากให้ล่มจมทะเล
จระเข้ได้โผล่ขึ้นพ้นน้ำ
พวกลูกเรือเห็นเข้าก็ตกใจจึงเตรียมตัวหนี เผอิญมีลมพัดมาอย่างแรง
ขบวนเรือจึงได้ลมแล่นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองลพบุรี
จระเข้เกิดความโกรธเป็นอย่างยิ่งจึงไล่กวดขบวนเรือไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกวดทันก็ใช้หางฟาดน้ำทำให้เรือบางลำเอียงทำท่าจะล่ม
บรรดาลูกเรือต่างตกใจกลัว
แต่เห็นว่ามีพื้นดินตื้นๆ จึงกระโดดลงไปบนพื้นดินเพื่อหนีเอาตัวรอด
พื้นที่ที่ลูกเรือกระโดดลงไปนั้นในปัจจุบันเป็นภูเขาลูกเตี้ยๆ มีชื่อว่า “เขาจีนโจน”
เมื่อพวกลูกเรือกระโดดลงไปแล้ว
ก็พยายามจะตะเกียกตะกายขึ้นไปสู่พื้นดินที่สูงกว่า
แล้วชะเง้อมองข้าวของขันหมากที่หลุดลอยออกจากเรือสำเภาที่ล่มลงแล้ว
สถานที่นี้จึงเรียกว่า “เขาจีนแล” มีลักษณะคล้ายคนกำลังยืนจังก้า
ปัจจุบันนี้ทั้งเขาจีนโจนและเขาจีนแลอยู่ในเขตห้วยซับเหล็ก อำเภอเมืองลพบุรี
ส่วนเรือสำเภาที่ล่มนี้ต่อมากลายเป็นภูเขาซึ่งมีลักษณะคล้ายเรือสำเภาล่มตะแคงอยู่
ชาวบ้านจึงเรียกว่า “เขาตะเภา” ปัจจุบันอยู่ในท้องที่ตำบลพะเนียด
อำเภอโคกสำโรง
เมื่อเรือสำเภาล่มลงแล้ว
บรรดาสิ่งของเครื่องขันหมากต่างๆ ก็จมลงบ้าง ลอยตามน้ำไปบ้าง
สำหรับผ้าแพอย่างดีเป็นพับๆ ที่นำมาเป็นของกำนัลได้ลอยไปตามแรงคลื่นลม
และไปติดรวมกันอยู่ที่แห่งหนึ่ง ต่อมากลายเป็นภูเขามีลักษณะเป็นชั้นๆ
คล้ายผ้าแพรพับไว้ ชาวบ้านจึงเรียกว่า “เขาพับผ้า” หรือ “เขาหนีบ” อยู่ทางตะวันออกของเมืองลพบุรีราว ๘ กิโลเมตร
ส่วนแก้วแหวนเงินทองที่บรรทุกมาได้เป็นจมลงที่บริเวณเขาแก้วซึ่งภูเขาลูกนี้มีลักษณะเป็นหย่อมๆ
ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวคล้ายกับมีคนนำหินมากองซ้อนกันไว้
เขาแก้วนี้อยู่ริมทางเข้านิคมลพบุรีและมีวัดตั้งอยู่บนเขาลูกนี้ คือ วัดแก้วหรือ วัดคีรีรัตนาราม
สำหรับตะกร้าที่ใส่ของต่างๆ
มาในเรือก็ลอยไปจมลง ต่อมากลายเป็นภูเขาอีกลูกหนึ่งชื่อ “เขาตะกร้า” มีลักษณะเหมือนตะกร้าคว่ำ
เขาตะกร้าอยู่ติดกับบริเวณอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก
บรรดาขนมต่างๆ
ที่ลอยไปติดอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งต่อมากลายเป็นภูเขาที่มีลักษณะเหมือนขนมเข่งถูกน้ำแล้วขึ้นรา
ชาวบ้านจึงเรียกว่า “เขาขนมบูด” และที่น่าแปลกเสียด้วยที่ว่าหินที่ภูเขาขนมบูดลูกนี้
เมื่อหยิบขึ้นมาดมดูยังมีกลิ่นคล้ายๆ ขนมที่บูดแล้ว
ส่วนนางนงประจันทร์นั้นยืนดูขบวนขันหมากถล่มอยู่บนฝั่ง
ก็เกิดความดีใจที่ไม่ต้องตกเป็นเมียของเศรษฐีจีน
จึงกระโดดโลดเต้นอย่างลืมตัวจนพลาดตกลงไปในทะเล บังเอิญนางว่ายน้ำไม่เป็น
จึงจมน้ำตาย บริเวณที่นางนงประจันทร์จมน้ำตายนี้ต่อมากลายเป็นภูเขา
ชาวบ้านเรียกว่า “เขานงประจันทร์” หรือ “เขานางพระจันทร์”ภายหลังมีชื่อเรียกที่เพื้ยนเสียงไปเป็น “เขาวงพระจันทร์”
สำหรับจระเข้หนุ่มเมื่อเห็นขบวนขันหมากถล่มหมดแล้ว
ก็ว่ายน้ำมายังฝั่ง แต่ได้เห็นคนรักตกน้ำตายจึงเสียใจมาก
ประกอบกับเหน็ดเหนื่อยต่อการอาละวาดไล่ล่าขบวนขันหมาก ถึงกับเป็นลมและสิ้นใจตาย
กลายเป็นหินเฝ้าสำเภาอยู่ ชาวบ้านจึงเรียกว่า “เขาตะเข้”หรือ “เขาจระเข้” ซึ่งอยู่ห่างจากเขาตะเภาไปทางทิศเหนือไม่มากนัก
เป็นอย่างไรครับ
ตำนานสถานที่ต่างๆ ในเมืองลพบุรีน่าสนใจไหมครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น