สวัสดีครับ เมื่อปีที่แล้วผมและเพื่อน ๆ ได้มานมัสการพระธาตุขามแก่น ขออนุญาตเล่าเรื่องประธาตุขามแก่น โดยนำเรื่องมาจากงานของท่านสมควร พละกล้า ที่ได้เรียบเรียงไว้นะครับ
หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จจาริกเที่ยวประกาศพระพุทธศาสนา เผยแพร่พระธรรมของพระองค์ที่ได้ตรัสรู้นั้นให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายถึง ๔๕ พรรษา เมื่อมีพระชนมายุได้ ๘๐ ปี พระองค์ก็เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
เมื่อพระองค์เสร็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปเถระเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันต์สาวกทั้งหลาย และมีกษัตริย์พร้อมด้วยราชบริพาร ได้มานมัสการพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระองค์ท่าน เมื่อถวายพระเพลิงเสร็จเล้ว ก็ได้ประกาศให้กษัตริย์ในชนบทต่าง ๆ ได้มารับแจกพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
ส่วนพระบรมธาตุกระโยงหัว (กระโหลกพระเศียร) ของพระองค์ ฆฏิการพราหมณ์นำไปประดิษฐานไว้ในพรหมโลก
พระธาตุเขี้ยวหมากแง (พระเขี้ยวแก้ว) พระอินทร์นำไปประดิษฐานไว้ในชั้นดาวดึงษ์
พระธาตุกระดูกด้ามมีด (พระรากขวัญ) พญานาคนำไปประดิษฐานไว้ในเมืองนาค
เหลือแต่พระอังคารของพระองค์ ยังไม่มีการแจกสันปันส่วนกันอย่างไร
กษัตย์นครต่าง ๆ เมื่อได้รับแจกแล้วก็ได้นำไปประดิษฐานไว้ในเมืองของตน เว้นเต่นครเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลมัชฌิมที่อยู่ในปัจจันตประเทศจึงมิได้รับแจก
โมริยกษัตริย์จึงพร้อมด้วยราชบริพารของพระองค์ เตรียมการออกเดินทางไปขอรับแจก แต่พอไปถึงกรุงกุสินาราก็ได้ทราบว่า ได้มีการแจกกันพระสารีริกธาตุหมดแล้ว เหลือแต่พระอังคาร กษัตริย์โมรีย์จึงได้รับพระอังคารของพระพุทธเจ้าโดยบรรจุเข้าไว้ในกระอบทองรองรับ นำไปสถาปนาไว้ในนครโมรีย์ เป็นที่เคารพสักการะต่อไป
ครั้นกาลสมัยล่วงเลยมา ประมาณพุทธศักราชล่วงได้ ๓ ปี พระมหากัสสปเถระเจ้า มีความปรารถนาที่จะนำเอาพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า ไปประดิษฐานไว้ในภูกำพร้า (พระธาตุพนม)
ตามพุทธประสงค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีการก่อสร้างพระธาตุพนมขึ้น มีพระมหากัสสปเถระเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์เป็นประธาน และมีพญาทั้ง ๕ เป็นศาสนูปถัมภก คือ พระยาอินทปัฏฐนคร พระยาดำแดง พระยานันทเสน พระยาจุลนีพรหมทัตต์ และพระยาสุวรรณภิงคาร จัดการก่อสร้างขึ้นจนแล้วเสร็จสำเร็จในวลาอันควร
ในปีที่ก่อสร้างพระธาตุพนมเสร็จนั้น โมริยกษัตริย์พร้อมด้วยพระอรหันต์ในเมืองโมรีย์ ได้ทราบข่าวว่ามีการก่อสร้างพระธาตุพนมขึ้น พระองค์มีศรัทธาเลื่อมใส ทรงมีพระราชประสงค์จะนำเอาพระอังคารของพระพุทธเจ้าที่ได้รับมาสถาปนานั้น ไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมร่วมกับพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ยอดแก้ว พระอรหันต์ธรังษี พระอรหันต์คันทีเถระเจ้ากับคณะรวม ๙ องค์ และพญาหลังเขียวเจ้านคร พร้อมด้วยราชบริพารจำนวน ๙๐ คน ได้อัญเชิญพระอังคารของพระพุทธเจ้าออกเดินทางไปประดิษฐานไว้ในพระธาตุพนม
การออกเดินทางของพระอรหันต์ทั้ง ๙ องค์และพญาหลังเขียว พร้อมด้วยราชบริพารก็มุ่งหน้ามาทางทิศเหนือ แต่พอมาถึงดอนมะขามแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งพระธาตุบ้านขามในเวลานี้เป็นเวลาพลบค่ำ จึงได้พากันพักแรมคืนในสถานที่นี้ ซึ่งมีภูมิประเทศราบเรียบ มีห้วยสามแยก น้ำไหลผ่านรอบๆ ดอน
ในที่พักมีต้นมะขามใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งตายล้มลงแล้ว เปลือกกะพี้และกิ่งก้านสาขาไม่มี เหลือแต่แก่นข้างในเท่านั้น
คณะเดินทางได้ใช้ต้นมะขามที่เหลือแต่แก่นนี้เป็นที่เก็บสิ่งของและรองรับพระอังคารของพระพุทธเจ้า
เช้าวันรุ่งขึ้นพระอรหันต์ทั้ง ๙ และพระยาหลังเขียวพร้อมด้วยบริวารตื่นนอนแล้ว ได้เตรียมการออกเดินทางมุ่งหนไปสู่สถานที่ก่อสร้างพระธาตุพนมต่อไป
พอไปถึงพระธาตุพนม ปรากฎว่าการก่อสร้างได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเอาอะไรเข้าบรรจุอีกไม่ได้ ได้แต่พากันไปนมัสการพระธาตุพนมเท่านั้นแล้วก็พากันกลับถิ่นเดิม โดยตั้งใจว่าจะนำพระอังคารของพระพุทธเจ้า ไปสถาปนาไว้ในนครของตนอย่างเดิม แล้วก็พากันกลับตามสายทางเดิม
เมื่อมาถึงที่พักซึ่งเป็นที่ตั้งพระธาตุบ้านขามเวลานี้ คณะเดินทางได้พบเห็นต้นมะขามที่ตายล้มลงแล้วนั้น กลับลุกขึ้นผลิดอกออกผลแตกกิ่งก้านสาขา มีใบสีเขียวชอุ่มแลดูงามตา
เมื่อได้เห็นเป็นอัศจรรย์ดังนี้ พระอรหันต์ทั้ง ๙ องค์ พร้อมด้วยพญาหลังเขียวจึงได้ก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม บรรจุพระอังคารของพระพุทธเจ้าไว้พร้อมด้วยเงินทองแก้วแหวน โดยทำเป็นพระพุทธรูปแทนพระองค์เข้าบรรจุไว้ในพระธาตุนี้ทั้งสิ้น
เมื่อสร้างพระธาตุเสร็จแล้ว พญาหลังเขียวจัดการสร้างบ้านสร้างเมือง ส่วนพระอรหันต์ทั้ง ๙ องค์ก็จัดการสร้างวัดขึ้นคู่กับพระธาตุ เหตุการณ์เป็นดังนี้จึงได้นามว่า"พระธาตุขามแก่น" และพระธาตุขามแก่นจึงมิได้ปรากฎนามในตำนานอุรังคนิทาน เหมือนพระธาตุทั้งหลาย
ครั้นกาลล่วงมา พระอรหันต์ทั้ง ๙ องค์ ก็ได้ดับขันธ์ปรินิพพานในสถานที่นี้ทุกองค์ สรีระธาตุของท่านทั้ง ๙ องค์ ก็ได้บรรจุไว้ในพระธาตุองค์เล็ก ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระธาตุใหญ่ ประชาชนนิยมเรียกพระนามของพระธาตุบ้านขามว่า "ครูบาทั้ง ๙ เจ้ามหาธาตุ"
มาเมืองขอนแก่น ขอเชิญมานมัสการพระธาตุขามแก่นกันนะครับ
******************************


























