Chalermkiat Mina

วันพุธ, พฤษภาคม 03, 2566

มินามีเรื่องเล่า พ่อสอนเราว่า... Thai/English

มินามีเรื่องเล่า พ่อสอนเราว่า... Thai/English

          วันที่ ๑๓ ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิรันดร์

          พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งพระราชวงศ์จักรี

          พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชสมบัติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

          พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ โรงพยาบาลเมานต์ออเบิร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตต์ (Massashusetts) ประเทศสหรัฐอเมริกา

          พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

          พระราชบิดาของพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา)

          สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา) ทรงเป็นพระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม)

          เมื่อแรกประสูติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระนามว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช

          พระองค์ ทรงมีพระเชษฐภคินี และพระบรมเชษฐาธิราช คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (๖ พฤษภาคม ๒๔๖๖ - ๒ มกราคม ๒๕๕๑) และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร

          ผมขออนุญาตนำเสนอพระเมตตาธรรมแห่งคำสอนของพระองค์ ซึ่งเป็นพ่อของแผ่นดินไทย มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของพวกเรานะครับ

          ครั้งหนึ่ง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามพระองค์ว่า ทรงเคยเหนี่อย ทรงท้อบ้างหรือไม่ พระองค์ทรงตอบว่า

          ความจริงมันก็น่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเราคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ”

          พ่อสอนเราว่า... ให้เรา “จะต้องรับและจะต้องให้”

          “...คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไปและเดี๋ยวนี้ด้วย เมื่อรับสิ่งของใดมาก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีในหมู่คณะและในชาติ...” พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น (๒๐ เมษายน ๒๕๒๑)

          พ่อสอนเราว่า ...ให้เรา “รู้จักตนเอง”...

          “...สิ่งสำคัญในการฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตคือ ต้องรู้จักตัวเอง รู้ว่าตัวกำลังทำอะไร รู้ว่าตัวต้องการอะไร...” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร วิทยาลัยการเกษตรแม่โจ้ (๓ มกราคม ๒๕๑๖)

          พ่อสอนให้เราเป็นคนดี ด้วยการ “ปฏิบัติ”

          “...การเคารพบูชาผู้ควรบูชา นั้นเป็นมงคลประการสำคัญ และการบูชาอย่างสูงสุดนั้น คือ บูชาด้วยการประพฤติปฏิบัติตนให้ดี...”

          พ่อสอนให้เราเป็น “คนดีที่เข้มแข็ง”

          คนดีทำให้คนอื่นดีได้ หมายความว่า คนดี ทำให้เกิดความดีในสังคม คนอื่นก็ดีไปด้วย ความเลวนั้นจะทำให้คนดีเป็นคนเลวก็ยาก แต่เป็นไปได้ ถ้าคนดีเข้มแข็งในความดี จะทำให้คนเลวทำให้คนดีเป็นคนเลวยาก สำคัญอยู่ที่ความเข้มแข็งของคนดี” พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา (๔ ธันวาคม ๒๕๓๙)

          ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวงตราบนิรันดร์

 

แหล่งข้อมูลประกอบการเล่าเรื่อง

- นามานุกรม พระมหากษัตริย์ไทย

- เมตตาธรรมแห่งคำสอนพระราชา

- ราชสกุลวงศ์

 

In Commemoration of the Late King Bhumibol Adulyadej the Great

           October 13, 2016 was the tragic day for Thai people. The royal palace announced that Bhumibol Adulyadej died in Siriraj Hospital. All of Thai people’s hearts were sunk in sadness.

          The 13th of October is the most important day for Thai people. They think of their beloved king.

          King Bhumibol Adulyadej was born on December 5, 1927, at Mt. Auburn Hospital in Cambridge, Massachusetts.

          He was the youngest son of His Royal Highness Prince Mahidol of Songkla and his consort, Mom Sangwal. At that time, his father was studying medicine at Harvard University, while his mother was a trained nurse at Simmons College.

          King Bhumibol has one elder sister, Her Royal Highness Prince Galyani Vadhana and one elder brother, His majesty King Ananda Mahidol (Rama VIII).

          King Bhumibol succeeded to the throne as the ninth king of the Chakri Dynasty.

          Then, King Bhumibol (Rama IX) decided to return to Switzerland to resume his studies.

          Before his departure, His Majesty went to pay respect to the remains of King Ananda Mahidol placed at the Grand Palace. While his Majesty was sitting in his car, a man shouted, “Don’t desert the people’. His Majesty turned to watch that man and said in his mind, “If the people do not desert me, how can I desert them?”

          Our beloved king always kept his promise. He never deserted his people.

          His majesty practiced the Ten Kingly Virtues (Thotsapit Rajadhamma) to bring peace and happiness to his people.

          The Ten Kingly Virtues are composed of:

1. Dana, the practice of generosity;

2. Sila, the practice of proper moral behaviour;

3. Paricaga, the practice of self-sacrifice;

4. Ajjaca, the practice of honesty and integrity;

5. Maddava, the practice of gentleness and politeness;

6. Tapa, the practice of austerity and simplicity;

7. Akkodha, the practice of freedom from hatred, ill-will and enmity;

8. Ahimsa, the practice of non-violence;

9. Khanti, the practice of patience, forbearance and tolerance;

10. Avirodhana, the practice of non-opposition to the public welfare.

          In commemoration for the late King Bhumibol Adulyadej the Great, we would like to pay respect to His Majesty King Rama IX. We always recognize His Majesty the King’s benevolence towards his subjects. Under his Majesty’s benevolent Rule, his subjects received protection and happiness.

***********



วันจันทร์, พฤษภาคม 01, 2566

มินามีเรื่องเล่า พระราชประวัติของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก Thai-French-English


                                                      https://th.m.wikipedia.org/wiki/Prince_Mahidol_Adulyadej_        
    

มินามีเรื่องเล่า พระราชประวัติของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

          ขอนำเสนอพระราชประวัติของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โดยสังเขป

          สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๔  

ทรงมีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหิดลอดุลเดช นเรศวรมหาราชาธิบดินทร์ จุฬาลงกรณนรินทรางกูร สมบูรณ์เบญจพรสิริสวัสดิ์ ขัตติยวโรภโตสุชาต คุณสังกาศเกียรติประกฤษฐ์ ลักษณวิจิตรพิสิษฐบุรุษย์ชนุตมรัตนพัฒนศักดิ์ อรรควรราชกุมาร  

          สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๗ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา บรมราชเทวี)   

          พระราชโอรสและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา บรมราชเทวี)

๑. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศต่อมาทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชนะสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกในรัชกาลที่ ๕

๒. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอิสระวิยาภรณ์
๓. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวิจิตรจิรประภา 

๔. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ 

๕. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ 

๖. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ 

๗. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) 

๘. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า (ยังไม่ได้พระราชทานพระนาม) สิ้นพระชนม์เมื่อประสูติได้ ๓ วัน

ปี พ.ศ. ๒๔๔๘ เจ้าฟ้ามหิดลได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาชั้นต้นในประเทศอังกฤษ

          ปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ทรงศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยชั้นต้นปอตสดัม (Potsdam) ในประเทศเยอรมนี ระหว่างศึกษาได้รับพระราชทานยศเป็นนายร้อยตรี  

          ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๕๖ – ๒๔๕๗ เสด็จเข้าโรงเรียนนายร้อยชั้นสูงที่โกรสลิชเตอร์เฟลเด้ จนจบการศึกษา แล้วทรงศึกษาวิชาทหารเรือที่โรงเรียนนายเรือเฟลนส์บูร์ก มุรวิก  

          วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘ ทรงเข้ารับราชการในกระทรวงการทหารเรือ กรมเสนาธิการทหารเรือ  

          วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ทรงย้ายไปรับตำแหน่งในกองอาจารย์นายเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้รับพระราชทานยศเป็นนายพันเอกทหารบก และนายนาวาเอกทหารเรือ และเป็นราชองครักษ์พิเศษ  

          วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๓ เจ้าฟ้ามหิดล (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) ทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมสังวาลย์ ตะละภัฏ (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ทรงมีพระโอรสและพระธิดา ๓ พระองค์ คือสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมธรรมะรามาธิบดินธร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

          ปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาสาธารณสุขที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาด ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงได้รับประกาศนียบัตรวิชาการสาธารณสุข  

          ปี พ.ศ. ๒๔๖๗ ทรงรับตำแหน่งข้าหลวงสำรวจการศึกษาทั่วไป กระทรวงศึกษาธิการ  

          ปี พ.ศ. ๒๔๖๙ เสด็จไปทรงศึกษาจบวิชาแพทย์  

          ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ ทรงได้รับเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด  

          ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๖๖ - ๒๔๖๗ ทรงเป็นอธิบดีกรมมหาวิทยาลัยและทรงเป็นอาจารย์สอนนิสิตเตรียมแพทย์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงปรับปรุงวางรากฐานการแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล และทรงสอนที่กรมสาธารณสุข  

          วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๒ เสด็จไปทรงงานเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิก จังหวัดเชียงใหม่  

          วันอังคารที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๒ ทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ที่กรุงเทพฯ ในรัชกาลที่ ๗ พระชนมายุ ๓๘ พรรษา  

          วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงเฉลิมพระนามพระอัฐิขของพระราชบิดาให้เป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก   

          ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านตลอดเวลา

Mina raconte : La biographie du Prince Mahidol Adulyadej de Songkha

J’aimerais bien vous présenter la biographie du Prince Mahidol Adulyadej de Songkha, le père du roi Bhumiphol Adulyadej, Rama IX.

          Le Prince Mahidol Adulyadej de Songkha est né en 1892. Il est décédé en 1929. Sa Majesté est considéré comme le Père de la médecine moderne du royaume siamois. Il est le 7ème fils du Roi Chulalongkorn (Rama V, 1853-1910) et de la Reine Savang Vadhana.

          Le 10 septembre 1920, le Prince Mahidol Adulyadej de Songkha s’est marié avec Mademoiselle Sangval TALABHAT (1900-1995), qui, plus tard, est devenue Somdetch Phra Sri Nagarindra et Princess mère des trois enfants :  la Princess Kalyani Vadhana et deux rois (Ananda Mahidol : Rama VIII et Bhumibol Adulyadej : Rama IX).

          La princesse Galyani Vadhana nous a cité les paroles importantes de son père :

          « Que les besoins de nos semblables soient notre première conscience. Les nôtres propres viendront après. » (Le Prince Mahidol et l’art – S.A.R. la Princesse Galyani Vadhana)

          « La véritable réussite n’est pas dans les connaissances mais dans l’application de ces connaissances au bénéfices de l’humanité » (Le Prince Mahidol)

 

Source : La princesse Galyani Vadhana. Aux sources du don de soi.

*************

Mina’s stories: The biography of Prince Mahidol Adulyadej of Songkha

          I would like to present the biography of Prince Mahidol Adulyadej of Songkha.

          Prince Mahidol Adulyadej of Songkha (1892-1929) is considered as the Father of modern medicine in the Siamese Kingdom. He is the 7th son of King Chulalongkorn (Rama V, 1853-1910) and Queen Savang Vadhana.

          On September 10, 1920, Prince Mahidol Adulyadej of Songkha married Miss Sangval TALABHAT (1900-1995), who, later on, became Somdetch Phra Sri Nagarindra and Princess mother of three children: Princess Kalyani Vadhana, King Ananda Mahidol (Rama VIII) and King Bhumibol Adulyadej (Rama IX).

          Princess Galyani Vadhana kindly told us about her father’s words:

          “May the needs of our fellow human beings be our first conscience. Our own will come after. " (Prince Mahidol and art - HRH Princess Galyani Vadhana)

          "Real success is not in knowledge, but in applying that knowledge for the benefit of mankind" (Prince Mahidol)

          I pay homage to Prince Mahidol Adulyadej of Songkha, the Father of modern medicine in the Siamese Kingdom.

Source: Princess Galyani Vadhana. At the sources of self-giving.

วันเสาร์, เมษายน 29, 2566

มินามีเรื่องเล่า สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ในรัชกาลที่ ๔




                           https://th.wikipedia.org/wiki/:PrincessPiyamawadiSriPatcharinMataPiam.jpg 

มินามีเรื่องเล่า สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ในรัชกาลที่ ๔

          สวัสดีครับ มินามีเรื่องเล่าจะขอเล่าถึงพระราชมารดาของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินี บรมราชินีนาถ ก่อนนะครับ

          พระราชมารดาของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ คือสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตาครับ

          สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ในรัชกาลที่ ๔ ประสูติเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๘๒

พระนามเดิมของท่าน คือ เปี่ยม เป็นธิดาของหลวงอาสาสำแดง (แตง) กับท้าวสุจริตธำรง (นาค สุจริตกุล)

เจ้าจอมมารดา (เปี่ยม) ท่านเป็นนางละครหลวง มีความสามารถอย่างดีเลิศ ต่อมาท่านได้เป็นพระสนมเอกของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นที่โปรดปรานของพระองค์เป็นอย่างมาก

เจ้าจอมมารดา (เปี่ยม) พระสนมเอก มีพระโอรสธิดา ๗ พระองค์ พระโอรสธิดา ๗ พระองค์ ได้แก่      

๑. พระองค์เจ้าชายอุณากรรณอนันตนรไชย (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย) ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๙ สิ้นพระชนม์เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ พระชันษา ๑๘ ปี พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุวัดมหาธาตุ วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๐

๒. พระองค์เจ้าชายเทวัญอุไทยวงศ์ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ) ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๑ สิ้นพระชนม์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๖ พระชันษา ๖๖ ปี

๓. พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ (สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีอัครมเหสี) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๓ สวรรคตเมื่อวันจันทร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ พระชนมายุ ๒๑ พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสวามี ทรงเรียกพระองค์ท่านว่า แม่ใหญ่

๔. พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา (สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันพุธที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๕ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ พระชนมพรรษา ๙๓ พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสวามี ทรงเรียกพระองค์ท่านว่า แม่กลาง

๕. พระองค์เจ้าหญิงเสาวภาผ่องศรี (สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๖ เสด็จสวรรคตเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ พระชนมพรรษา ๕๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสวามี ทรงเรียกพระองค์ท่านว่า แม่เล็ก

๖. พระองค์เจ้าชายสวัสดิโสภณ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์) ประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๐๘ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ พระชันษา ๗๐ ปี

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงสถาปนาเจ้าจอมมารดา (เปี่ยม) เป็น เจ้าคุณจอมมารดา (เปี่ยม)

เจ้าคุณจอมมารดา (เปี่ยม) มีศักดิ์เป็นพระอัยยิกา (ยาย) ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงสถาปนาท่านเป็น เจ้าคุณพระอัยยิกาเปี่ยม

เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงเลื่อนพระอิสริยยศเจ้าคุณพระอัยยิกาเปี่ยม เป็นสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา

          สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๗ พระชนมายุได้ ๖๕ ปี พระราชทานเพลิง ณ พระเมรุผ้าขาว สวนมิสกวัน วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๒

ข้อมูลประกอบการเล่าเรื่อง

กรมศิลปากร, สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์.  ๒๕๕๔.  ราชสกุลวงศ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑๔.  กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.

 


วันพฤหัสบดี, เมษายน 27, 2566

มินามีเรื่องเล่า สุนทรภู่

www.brighttv.co.th

มินามีเรื่องเล่า
สุนทรภู่

          ถึงหน้าวังดังประหนึ่งใจจะขาด

          คิดถึงบาทบพิตรอดิศร

โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร

แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น

พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด 

ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ

ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น

ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา

 

สวัสดีครับ วันดีคืนดีความทรงจำเก่า ๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมอง

หลายท่านคงมีอาการเหมือนผม

บางทีบทอาขยานที่ท่องสมัยเรียนอยู่ม.ปลาย ก็กลับเข้ามาในความทรงจำของเรา

อานิสงค์ของการท่องจำก็ดีอย่างนี้นะครับ

พูดถึงบทอาขยานข้างบนแล้ว หลายท่านทราบดีว่าเป็นบทกลอนของกวีเอกของไทย คือท่านสุนทรภู่

ดังนั้น วันนี้ขอเล่าประวัติท่านสุนทรภู่ กวีเอกในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนะครับ

ท่านสุนทรภู่ เป็นกวีเอกในสมัยรัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๔

          ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง คือบริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยในปัจจุบัน

บิดาของท่านสุนทรภู่เป็นชาวบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง  

บิดามารดาเลิกร้างกันตั้งแต่สุนทรภู่เกิด บิดาออกไปบวชที่วัดป่ากร่ำ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกรง จังหวัดระยอง

ส่วนมารดากลับไปอยู่ในพระราชวังหลัง และได้ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิงจงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์

ท่านสุนทรภู่อยู่ในวังกับมารดามาตั้งแต่เด็ก

ด้านการศึกษา สุนทรภู่ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลัง และที่วัดชีปะขาว ติดคลองบางกอกน้อย ซึ่งต่อมาวัดนี้ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า วัดศรีสุดาราม

          สุนทรภู่แต่เยาว์วัย มีนิสัยรักการแต่งกลอน ในวัยหนุ่มได้เป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่วัดชีปะขาว และต่อมาได้เป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ในกรมพระคลังสวน

          สุนทรภู่ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอนนิทานเมื่ออายุ ๒๐ ปี

          ชีวิตกวีใช่จะไร้ซึ่งความรัก มีรักแรกก็โดนลงทัณฑ์เสียแล้ว

          สุนทรภู่ได้ลอบรักกับนางข้าหลวง ชื่อ แม่จัน ซึ่งน่าจะเป็นบุตรหลานของผู้มีตระกูล

          กรมพระราชวังหลังกริ้ว จึงให้โบยและจองจำทั้งคู่

          ต่อมากรมพระราชวังหลังทิวงคต ทั้งสองคนจึงพ้นโทษ ในปี พ.ศ. ๒๓๔๙

          สุนทรภู่ออกจากคุกไปหาบิดาที่เมืองแกลง ระยอง

สุนทรภู่อยู่กินกับแม่จัน มีบุตรชื่อ หนูพัด ซึ่งได้อยู่ในอุปการะของเจ้าครอกทองอยู่

          สุนทรภู่กับแม่จันอยู่ด้วยกันไม่นานก็เกิดระหองระแหง น่าจะเป็นเพราะว่าสุนทรภู่เมาสุราเป็นประจำ

          สุนทรภู่เจริญก้าวหน้าทางการงานในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒

          ในสมัยนี้ ท่านได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของรัชกาลที่ ๒ จนได้รับแต่งตั้งเป็นขุนสุนทรโวหาร เป็นกวีที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ชิด ได้รับพระราชทานบ้านหลวง ใกล้กับวังท่าพระ และได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำ

          ขุนสุนทรโวหารคอยถวายความเห็นเกี่ยวกับพระราชนิพนธ์และพระนิพนธ์วรรณคดีเรื่องต่างๆ รวมทั้งมีส่วนร่วมในกิจการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์  

          สุนทรภู่เป็นหนึ่งในคณะร่วมแต่งเรื่องขุนช้างขุนแผน

          ชีวิตของกวีเอกของเราโดนสุราพาล่มจม พ.ศ. ๒๓๖๔ สุนทรภู่ต้องติดคุกอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากถูกอุทธรณ์ว่าเมาสุราและทำร้ายญาติผู้ใหญ่

สุนทรภู่ติดคุกไม่นานก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ

เล่ากันว่าพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงติดขัดบทพระราชนิพนธ์เรื่องสังข์ทอง ไม่มีใครแต่งได้ต้องพระทัยเท่ากวีเอกสุนทรภู่ของเรา

          ภายหลังจากพ้นโทษแล้ว สุนทรภู่ได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒

          ในระหว่างรับราชการอยู่นี้ สุนทรภู่แต่งงานใหม่กับแม่นิ่ม มีบุตรด้วยกันหนึ่งคนคือ พ่อตาบ

          สุนทรภู่รับราชการได้ ๘ ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต

          กวีเอกของเรามีดวงลำบาก คือวาสนาตกอับในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓

          สุนทรภู่ถูกกล่าวหาด้วยเรื่องเสพสุราและเรื่องอื่นๆ จึงถูกถอดออกจากตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร ท่านจึงได้ออกบวช

          สุนทรภู่ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) และเดินทางไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ

ท่านบวชเป็นเวลา ๑๘ ปี ระหว่างเวลานั้น ได้ย้ายไปอยู่วัดต่างๆ หลายแห่ง เช่นวัดเลียบ วัดแจ้ง วัดโพธิ์ วัดมหาธาตุ วัดเทพธิดาราม

          หลังจากลาสิกขาบท สุนทรภู่ได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักษณานุคุณ

          ต่อมาพระองค์เจ้าลักษณานุคุณสิ้นพระชนม์

          สุนทรภู่จึงถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ณ พระราชวังเดิม

นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังได้แต่งเรื่องพระอภัยมณี ถวายให้กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ และได้รับการอุปการะจากพระองค์ท่าน

          ในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต

          เจ้าฟ้ามงกุฏเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงสถาปนาเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาท

สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง)

สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระสุนทรโวหาร ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ ฝ่ายบวรราชวังเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๔

          สุนทรภู่รับราชการต่อมาได้ ๔ ปี ถึงแก่มรณกรรมในปี พ.ศ. ๒๓๙๘ สิริรวมอายุ ๖๙ ปี

          นับได้ว่าท่านเป็นกวีเอกของไทยที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง

วันพุธ, เมษายน 26, 2566

มินามีเรื่องเล่า เขาเมือง เขาอกทะลุ และเขาหัวแตก

มินามีเรื่องเล่า เขาเมือง เขาอกทะลุ และเขาหัวแตก

          ในเมืองพัทลุง เราจะเห็นขุนเขาโดดเด่นหลายลูก ที่สำคัญคือเขาเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเก่าชัยบุรี มีเขาหัวแตก และเขาอกทะลุ ซึ่งใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของจังหวัดพัทลุง

ภูเขาอกทะลุ ตั้งอยู่ที่ตำบลคูหาสวรรค์ ในเขตอำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพัทลุง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นของจังหวัด เนื่องจากภูเขาหินปูนแห่งนี้มีลักษณะพิเศษ คือบริเวณเกือบถึงยอดเขามีช่องขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐ เมตรที่มองว่าทะลุได้

          ขอเล่าเรื่องตำนานของขุนเขาทั้งสามเขา และเขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทราบครับ

          ตัวละครของตำนานนี้ ได้แก่ เมือง ศิลา บุปผา ยี่สุ่น และชังกั้ง นะครับ

          ตำนานเล่าว่า ครอบครัวของนายเมืองมีอาชีพเป็นพ่อค้าช้าง นายเมืองมีเมีย ๒ คน เมียหลวงชื่อศิลา มีลูกสาวชื่อยี่สุ่น เมียน้อยชื่อบุปผา มีลูกชายชื่อชังกั้ง

          เมียทั้งสองของนายเมืองชอบทะเลาะกันอยู่เสมอ ทำให้ลูกสาวและลูกชายไม่ชอบอยู่บ้าน ออกเที่ยวเตร่ไปกับเรือสำเภา

          วันหนึ่งนายเมืองออกค้าขายตามปกติ นางศิลานั่งทอผ้าอยู่ใต้ถุนบ้าน ส่วนนางบุปผาก็นั่งตำข้าวอยู่อีกด้านหนึ่ง สักครู่ทั้งสองทะเลาะกันอีกและเกิดบันดาลโทสะ นางศิลาตีหัวนางบุปผาจนหัวแตก ส่วนนางบุปผาโกรธมาก ใช้สากตำข้าวกระทุ้งไปที่อกนางศิลาจนอกทะลุ

เมียทั้งสองคนของนายเมืองถึงแก่ความตายและกลายเป็นภูเขา คือเขาอกทะลุ และเขาหัวแตก (เขาคูหาสวรรค์)

เมื่อนายเมืองกลับมาพบเหตุเศร้าสลดจึงตรอมใจตายกลายเป็นเขาเมือง (เขาชัยบุรี)

ต่อมายี่สุ่นผู้เป็นลูกสาวและชังกั้งผู้เป็นลูกชายกลับมาบ้านและรู้ว่าเป็นความวิปโยคของครอบครัว ต่างก็เสียใจและตรอมใจตายตามพ่อแม่ ยี่สุ่นกลายเป็นเขาชัยสน ส่วนชังกั้นตายกลายเป็นเขาชังกั้ง (เขากัง)

เขาอกทะลุ


เขาหัวแตก

เขาเมือง

วันอังคาร, เมษายน 25, 2566

มินามีเรื่องเล่า วัดถ้ำคูหาสวรรค์ พัทลุง

มินามีเรื่องเล่า วัดถ้ำคูหาสวรรค์

          วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ตั้งอยู่ที่ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง เป็นโบราณสถานหรือแหล่งศิลปกรรมที่สำคัญ เดิมชาวบ้านเรียกว่า ถ้ำน้ำเงิน หรือ ถ้ำพระ

          ถ้ำแห่งนี้มีขนาดกว้าง ๑๘ เมตร ยาว ๒๘ เมตร มีลักษณะสูงเป็นเวิ้งรูปกรวย ปากถ้ำมีหินกั้นสูง 2 เมตร ชาวบ้านเรียกว่า หัวทรพี ตรงข้ามมีรูปฤาษีตาไฟปูนปั้น ๒ องค์

ภายในถ้ำมีหินงอกคล้ายรูปช้าง ชาวบ้านเรียกว่าช้างผุด หรือ หินลับแล พื้นถ้ำปูด้วยอิฐถือปูน มีเจดีย์เล็กๆ และมีพระพุทธรูปที่ปั้นด้วยดินเหนียวขนาดต่าง ๆ เรียงแถวกัน นอกจากนี้ทางด้านทิศตะวันออกของเศียรพระพุทธรูปไสยาสน์ ยังมีกรุพระพิมพ์ที่ชาวบ้านขุดพบพระแบบต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก 

 

แหล่งข้อมูล

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย๒๕๕๖.  ทรัพยากรการท่องเที่ยวไทยชุดภาตใต้ พัทลุง.

 












มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French

  มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) เป็นพระอัครมเหสีน้อยของสมเด็จพ...