สวัสดีครับ
วันนี้เป็นวันที่ ๒๔ ธันวาคม เป็นวันสำคัญก่อนวันคริสต์มาส คือวันที่ ๒๕ ธันวาคม
ผมมีเรื่องมาเล่าให้ท่านฟัง และอยากให้ท่านได้อ่านเรื่องนี้ครับ
เรื่องสุขสันต์วันคริสต์มาส
(Joyeux Noël) เป็นเรื่องสั้นที่ผมเคยเรียน
ไม่ทราบว่าผู้เขียนเป็นใคร และผมนำเรื่องนี้มาจากหนังสือเล่มใด
ที่เหลืออยู่มีแต่กระดาษซีร๊อกซ์สองแผ่น ผมขออนุญาตถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่านและมีความสุขกับเทศกาลคริสต์มาสนี้นะครับ
**********************
สุขสันต์วันคริสต์มาส
วันนี้เป็นวันที่
๒๔ ธันวาคม
หนูน้อยมาติเยอเข้ามาอยู่ในวงคอรัสได้อย่างไรกันนะ
ในเมื่อเขาเป็นคนร้องเสียงเพี้ยน
ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ได้
เขามาร่วมวงเพราะเพื่อนผลักดันให้เข้ามา หรือเป็นเพราะเขาดูเป็นเด็กดี หรืออาจเป็นช่วงที่ครูหัวหน้าวงพลั้งเผลอรับเขาเข้ามา
เกือบสามเดือนแล้วที่บรรดาเพี่อนบ้านต้องทนฟังมาติเยอร้องเพลงเสียงหลง
มาติเยอไม่รู้ตัวเลย
โชคดีที่มาติเยอเป็นเด็กดีจนกระทั่งไม่มีใครบ่นหรือบอกให้เขาไปร้องที่อื่น
ทำไมจะต้องไปทำร้ายจิตใจของหนูน้อยคนนี้ด้วยนะ
แต่คริสต์มาสกำลังจะมาถึง
มีการเตรียมบทเพลงเพื่อร้องในวันสำคัญของชาวคริสต์วันนี้ มีการซ้อมร้องเพลง ๓
ครั้งต่อสัปดาห์
วันนี้เป็นวันที่ ๒๔ ธันวาคม มาติเยอตื่นเต้นกับงานเทศกาลแห่งความสุขนี้
เขาจะร้องเพลงด้วยความรื่นเริง เขาร้องเพลงชนิดที่กลั่นออกมาจากหัวใจของเขาเลยทีเดียว
ขณะที่กำลังฝึกร้องเพลง
ลาเดสต์ ฟิแดล ครูผู้อำนวยการวงคอรัสสั่งหยุดร้องทันทีทันใด
“มีใครบางคนร้องเพี้ยน” ครูกล่าว “เอ้า...เริ่มร้องกันใหม่...”
ราวกับนัดกันไว้
ทุกคนหันหน้ามามองที่มาติเยอ เจ้าหนูน้อยผู้น่าสงสารคนนี้รู้ได้ทันที ทุกคนหันมามองเขาเพราะเขาร้องเพี้ยน
มาติเยอก้มหน้าอย่างสุดเศร้า ใบหน้าแดงกล่ำ
กระแอมนิดหน่อยเพื่อปิดบังความประหม่า
ดูเหมือนว่าครูผู้อำนวยการวงไม่ได้สังเกตเห็นอะไร
แต่เมื่อเขาสั่งให้เริ่มร้องใหม่ มาติเยอกลับนิ่งเงียบ เขาไม่กล้าร้องอีกต่อไป
เมื่อการฝึกซ้อมเสร็จสิ้น
บรรดาเด็กชายต่างดีใจและพากันกลับบ้านไป พวกเขาหัวเราะต่อกระซิกและผลักใสกันเพื่อจะได้ออกไปอย่างเร็ว
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามาติเยอนั่งเงียบอยู่ที่นั่นคนเดียว
ท่าทางเศร้าสร้อย เขานั่งร้องไห้ “ฉันเป็นคนไม่มีอะไรดีสักอย่าง” เขาคิด
“ในห้องเรียนฉันก็เป็นที่โหล่ ฉันเล่นบอลได้ห่วยแตกจนเพื่อน ๆ พากันเยาะเย้ย
และตอนนี้ แม้กระทั่งร้องเพลงยังร้องไม่เป็น”
มาติเยอเจ็บปวดรวดร้าว แต่เขาไม่ย่อท้อ
สิ่งสำคัญคือวงคอรัสต้องดำเนินต่อไปอย่างดี เขาร้องเสียงเพี้ยนหรือ เอาหล่ะ
เขาจะไม่ร้องเพลงอีกแล้ว
ภายหลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้ว มาติเยอลุกขึ้น
เดินไปเคาะประตูห้องครูผู้อำนวยการวง เขาถอดชุดคลุมสีขาวที่ใส่ร้องเพลงออกและยื่นให้ครูผู้อำนวยการวง
“นี่ครับ ครูเอาไปทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการครับ
ครูให้ชุดนี้กับเด็กคนอื่นเถอะครับ ผมมันไม่มีอะไรดีเลย!”
ครูผู้อำนวยการวงมองดูมาติเยอ
เขารู้ว่ามาติเยอร้องเพี้ยนมาหลายเดือนแล้ว แต่เขาไม่พูดอะไร เขาไม่ต้องการทำให้หนูน้อยคนนี้เจ็บช้ำน้ำใจ
แต่ในวันคริสต์มาส ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
“ไม่มีอะไรดีเลยหรือ? เธอไม่ควรพูดอะไรแบบนั้น”
ครูบอกเขาด้วยเสียงอ่อนนุ่ม “เธอมาช่วยครูเตรียมทำรางหญ้าพระกุมาร เอาไหม?”
ไม่มีเสียงตอบ
“ฟังนะมาติเยอ
เธอช่วยทำอะไรให้ครูสักหน่อย เธอไปที่โรงงานของคุณดูราส์
เขาคงทำตุ๊กตาสำหรับประดับในรางหญ้าพระกุมารเสร็จแล้ว ครูไม่มีเวลาไปดูด้วยตนเอง
ไปนำตุ๊กตามาให้ครู เราจะมาจัดวางตุ๊กตาด้วยกัน เอาไหม”
“ได้ครับครู”
มาติเยอรับปากและรีบทำด้วยความดีใจที่ตัวเองได้มีส่วนร่วม
ที่โรงงาน ชายสูงวัยยิ้มต้อนรับมาติเยอ
“เธอมาเอาตุ๊กตาประดับรางหญ้าพระกุมารใช่ไหม
ทุกอย่างเสร็จแล้ว”
นายดูราส์เปิดกล่องใหญ่สองกล่องให้มาติเยอดู
ในกล่องมีตุ๊กตาประดับรางหญ้าห่อด้วยกระดาษสีขาว
“ดูนี่ซิ”
นายดูราส์ปลื้มใจที่ได้นำงานของเขามาให้มาติเยอดู
เขาแกะห่อตุ๊กตา มีลา วัว พวกแกะ รวมทั้งตุ๊กตาพระแม่มารีย์ พระบิดาโจเซฟ
และพระเยซู
“โอ้!” มาติเยออุทาน
“เธอไม่ชอบตุ๊กตาเหล่านี้หรือ?”
“ผมนะหรือครับ? ผมชอบครับ
คุณทำตุ๊กตาเหล่านี้ได้อย่างไรครับ”
นายดูราส์ไม่ได้เป็นพ่อค้าเหมือนคนอื่น
ๆ เขาเป็นศิลปิน เขารักเด็ก ๆ
“มานี่
ฉันจะแสดงให้เธอดู”
เขาใช้มือหยิบปูนอย่างว่องไว
เริ่มปั้นดาวที่นับว่าสวยที่สุดในบรรดาดาวที่ประดับในงานคริสต์มาส หนูน้อยมาติเยอมองดูด้วยสายตาทึ่ง
“เอ้า
ถึงตาเธอลองปั้นแล้ว” นายดูราส์กล่าวพร้อมยื่นปูนให้เพื่อนใหม่ตัวน้อยของเขา
มาติเยอปั้นปูนด้วยใบหน้าแจ่มใสและมีความสุข
เขาปั้นตุ๊กตาออกมาดี
นายดูราส์มองดูด้วยความประหลาดใจ
“เธอปั้นตุ๊กตาโดยไม่เคยเรียนมาก่อนได้อย่างไร!”
แต่มาติเยอต้องกลับแล้ว
เขาต้องนำรางหญ้าพระเยซูกลับไปให้ครูผู้อำนวยการวง
นายดูราส์สัญญากับมาติเยอว่าจะให้เขากลับมาปั้นตุ๊กตาใหม่
มาติเยอเดินจากไป ในมือของเขายังมีปูนอยู่ก้อนหนึ่ง
ด้านนอกหิมะตก
มาติเยอเคาะประตูห้องทำงานของครูผู้อำนวยการวงคอรัส
หนูน้อยเดินถือกล่องขนาดใหญ่เข้ามา กำลังจะแก้เชือกออกให้
แต่ในช่วงเวลานั้น
อากาศหนาวเหน็บทำให้มือของเขาเย็นชา ถือกล่องไม่ไหว กล่องตกลงบนพื้น หนูน้อยมาติเยอรีบแกะกล่องออก
เขานำตุ๊กตาออกมาทีละตัว แต่ด้านในสุดของกล่องมีตุ๊กตาเทวดาตัวหนี่งที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ผมจำได้ครับ”
มาติเยอพูด “เทวดาท่านนี้กางปีก สวยที่สุดในบรรดาตุ๊กตาทั้งหมด ครูคอยผมนะครับ
ผมจะลองปั้นดู”
มาติเยอนำปูนที่นายดูราส์มอบให้ออกมาปั้น
บรรจงใช้นิ้วปั้นปูนให้เป็นตุ๊กตา
ครูหัวหน้าวงคอรัสมองดูอย่างฉงนสนเท่ห์
เขาไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้ม ครูหยิบตุ๊กตาเทวดาที่มาติเยอปั้นมาตั้งไว้บนรางหญ้าพระเยซู
วันที่ ๒๔
ธันวาคม... หนูน้อยมาติเยอตระหนักว่าเขาร้องเพลงเพี้ยน แต่มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
เขาได้พบสิ่งอื่นที่เป็นพลังใจสำหรับเขาแล้ว
*******************************



