Chalermkiat Mina

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 03, 2566

มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกันที่พัทลุง พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนที่มาของฉายาขุนคางเหล็ก ตอนที่ ๔

 


มินามีเรื่องเล่า เราเป็นญาติกันที่พัทลุง พระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) ตอนที่มาของฉายาขุนคางเหล็ก ตอนที่ ๔

 สวัสดีครับ วันนี้จะขอเล่าที่มาของฉายา “ขุนคางเหล็ก” ของพระยาพัทลุง (ขุน) นะครับ

พระยาพัทลุง (ขุน) ได้เป็นเจ้าเมืองพัทลุงในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองพัทลุงต่อในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 

พระยาพัทลุง (ขุน) มีฉายาว่า ขุน หรือขุนคางเหล็ก คำว่าคางเหล็กย่อมก่อให้เกิดความสงสัยกับท่านที่ได้ยินชื่อของพระยาพัทลุง (ขุน หรือขุนคางเหล็ก) เป็นครั้งแรก

ที่มาของคำว่า “คางเหล็ก” นั้น มีที่มาสองเรื่อง เรื่องแรกเกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีเรื่องเล่าว่า ในช่วงปลายรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ทรงมีพระสติวิปลาส ทรงรับสั่งถามพวกขุนนางว่า พระองค์จะเสด็จขึ้นสวรรค์ ใครจะตามเสด็จขึ้นไปบ้าง

พวกขุนนางทั้งปวงต่างตกใจ พากันก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าเพ็ดทูลประการใด สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตรัสถามเป็นครั้งที่สองด้วยพระสุรเสียงทรงกริ้ว ในช่วงเวลาที่ตื่นเต้นตกใจนั้น พระยาพัทลุงแก้วโกรพพิชัย (ขุน) ถวายบังคมกราบทูลได้เนื้อความว่า

“ข้าพระพุทธเจ้าบุญบารมีน้อย เหลือวิสัยที่จะตามเสด็จขึ้นสวรรค์ในชีวิตนี้ได้ ต่อเมื่อชีวิตหาไม่แล้ว จึงจะตามเสด็จไปทีหลัง

ปฏิภาณอันเฉียบคมนี้ทำให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงโปรดมาก พระองค์ตรัสว่า

“พูดถูก คนอื่นไม่มีบุญเหมือนเรา”

คำกราบทูลของพระยาพัทลุงแก้วโกรพพิชัย (ขุน) ทำให้ขุนนางทั้งปวงพลอยพ้นผิด และพากันขนานนามให้ท่านขุนว่า “คางเหล็ก” (พงศาวดารเมืองพัทลุง ในประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๖ หน้า ๒๓๓)

ทำไมคางเหล็ก ก็เพราะคนอื่น ๆ ไม่มีใครสามารถคิดคำพูดที่เหมาะสมกราบทูลในช่วงเวลาวิกฤตินั้นได้ แต่พระยาพัทลุงแก้วโกรพพิชัย (ขุน) ไตร่ตรองแล้วพูด สามารถใช้ถ้อยคำแก้ไขสถานการณ์วิกฤตให้ดีขึ้นได้ หากท่านใช้คำพูดไม่เหมาะสม และกราบทูลไม่ตรงจังหวะที่ดี อาจถูกลงอาญาได้

ดังนั้น ฉายาว่า “ขุนคางเหล็ก” จึงมีความหมายว่า ท่านขุน “มีความฉลาดเฉลียว มีปฏิภาณไหวพริบในการใช้คำพูด”

ฉายาขุนคางเหล็กมีที่มาอีกเรื่องหนึ่ง โดยพงศาวดารจังหวัดพัทลุง ฉบับที่แต่งโดย หลวงศรีวรฉัตร์ (พิณ จันทโรจวงศ์) ซึ่งรวมอยู่ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๕ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ ๒ คือ พระยาพัทลุง (ขุน) ทำน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืด และเรื่องการกราบทูลต่อพระเจ้าตากสินของพระยาพัทลุง (ขุน)

เหตุการณ์เรื่องทำน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืด มีว่า เมื่อครั้งพระยาพัทลุง (ขุน) คุมทัพเรือโดยเสด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทในรัชกาลที่ ๑ ไปตีเมืองปัตตานี ระหว่างเดินทางเกิดขาดแคลนน้ำจืด ทหารพากันอดน้ำ พระยาพัทลุง (ขุน) จึงเอาเท้าแช่ลงในทะเล บันดาลให้น้ำเค็มกลายเป็นน้ำจืด พวกทหารได้ดื่มน้ำและตักเก็บไว้

ต่อมาเจ้าพระยานครศรีธรรมราช ได้นำความเรื่องนี้กราบทูลฟ้องต่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทว่า พระยาพัทลุง (ขุน) อวดอ้างว่า ทำน้ำเค็มเป็นน้ำจืดได้ ถือเป็นการกบฏ

กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงตรัสถามพระยาพัทลุง (ขุน) ว่าเป็นเพราะเหตุใด

พระยาพัทลุง (ขุน) ได้กล่าวแก้ตัวว่า

“...พวกพลอดน้ำได้ความลำบากกันดารนัก จึงเสี่ยงเอาพระบารมีพระเจ้าอยู่หัว น้ำในทะเลจึงบันดาลจืดได้ พวกพลได้รับประทานเป็นกำลังรับราชการต่อไป หาใช่ด้วยอำนาจวาสนาของท่านเองไม่” (พงศาวดารเมืองพัทลุง ในประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๖ หน้า ๒๓๓)

คำแก้ตัวเรื่องทำน้ำทะเลให้จืดนี้ทำให้ท่านได้รับความชอบและเรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ดังนั้น ท่านจึงมีฉายาว่า “ขุนคางเหล็ก” นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French

  มินามีเรื่องเล่า กรมหลวงพิพิธมนตรี พระพันวัสสาน้อย Thai-English-French กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) เป็นพระอัครมเหสีน้อยของสมเด็จพ...